กลายเป็นความปกติใหม่ของราชวงศ์โลกไปซะแล้ว ที่จะถูกขุดคุ้ยนำความจริงออกมาตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับรู้ โดนหนักสุดไม่แพ้ราชวงศ์อังกฤษ ก็เห็นจะเป็น “ราชวงศ์สเปน” ยิ่งนับวันจะใกล้ถึงจุดเสื่อมลงทุกทีกลางปี 2020 “อดีตกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส” เขย่าบัลลังก์พระราชโอรส “สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6” ด้วยการเก็บกระเป๋าหนีออกนอกประเทศ เพราะถูกสอบสวนพัวพันคดีทุจริตอื้อฉาวทางการเงิน ล่าสุด สถาบันกษัตริย์สเปนมีอันต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ “เจ้าหญิงกริสตินา” พระขนิษฐาของประมุของค์ปัจจุบัน ประกาศแยกทางกับพระสวามีนักกีฬาแฮนด์บอลทีมชาติ “อิญากิ อูร์ดังการิน” หลังแท็บลอยด์ท้องถิ่น “Lecturas” เปิดโปงความจริงว่า ฝ่ายชายลอบมีชู้ โดยเผยแพร่ภาพคู่ ชู้รักเดินจูงมือหนุงหนิงอยู่ในฝรั่งเศสตอนใต้ เป็นหลักฐานมัดตัวดิ้นไม่หลุด สร้างความอับอายอย่างมากให้พระราชวงศ์สเปนทนเก็บตัวเงียบเป็นอาทิตย์ ในที่สุด “เจ้าหญิงกริสตินา” ซึ่งมีศักดิ์เป็นรัชทายาทอันดับ 6 ของสเปน ก็ออกมาประกาศแยกทางกับพระสวามี และปิดฉากชีวิตสมรสอย่างเป็นทางการแล้ว หลังร่วมเตียงอยู่กินกันมานาน 24 ปี โดยระบุในแถลงการณ์สั้นๆว่า จากความเห็นชอบร่วมกัน เราทั้งสองได้ตัดสินใจยุติการแต่งงานแล้ว กระนั้นก็ยังช่วยกันดูแลลูกๆ เหมือนเดิม ทั้งคู่มีพระโอรสและพระธิดาด้วยกัน 4 องค์ ล้วนแต่โตเป็นวัยรุ่นแล้วย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 ราชวงศ์สเปนต้องเผชิญกับความเสื่อมเสียครั้งใหญ่ เมื่อราชบุตรเขยอย่าง “อูร์ดังการิน” ถูกตั้งข้อหารุนแรงว่าใช้เส้นสายในราชวงศ์เพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ โดยใช้มูลนิธิการกุศลด้านกีฬาเป็นเครื่องมือรับงานจากหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น จากนั้นนำเงินไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยเพื่อประโยชน์ส่วนตัว คดีฉาวลากเอา “เจ้าหญิงกริสตินา” พลอยติดร่างแหไปด้วย โดยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นในการเอื้อประโยชน์เพื่อเลี่ยงภาษีและพัวพันกับการฟอกเงินของพระสวามี เรื่องราวลุกลามใหญ่โต ถึงขนาดที่ “สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6” ลงดาบสั่งสอนพระขนิษฐาและน้องเขย ด้วยการถอดยศดยุกและดัชเชสแห่งปัลมา เด มายอร์กา เพื่อลบล้างภาพการทุจริตคอร์รัปชันในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์และชนชั้นสูงสเปน ซึ่งฉุดคะแนนนิยมของราชวงศ์สเปนให้ดิ่งเหวลงมาอย่างต่อเนื่องหลังต่อสู้คดีอยู่หลายปี เมื่อปี 2017 ศาลในเมืองมายอร์กาของสเปนก็พิพากษาให้ “เจ้าหญิงกริสตินา” ทรงพ้นผิดคดีโกงภาษี ส่วนพระสวามีรับโทษจำคุก 6 ปี 3 เดือน นับเป็นครั้งแรกที่พระราชวงศ์สเปนถูกดำเนินคดีในศาลและตั้งข้อหารุนแรง งานนี้มีจำเลยอีก 16 คน รวมถึงอดีตรัฐมนตรี ถูกพิพากษาจำคุก 3 ปี 8 เดือนแม้จะพ้นผิดจากคดีโกงภาษีอย่างหวุดหวิด และยืนกรานปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการดำเนินธุรกิจของสามี แต่ “เจ้าหญิงกริสตินา” ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการจ่ายค่าปรับก้อนโต ขณะที่ราชบุตรเขยสเปนได้รับการลดหย่อนโทษลงเหลือจำคุก 5 ปี 10 เดือน ออกมาจากคุกได้ไม่ทันไรก็ก่อเรื่องราวให้ปวดหัวจนเป็นข่าวครึกโครมอย่างที่เห็นนับตั้งแต่เกิดคดีฟ้องร้องใหญ่ “เจ้าหญิงกริสตินา” ทรงหอบหิ้วพระโอรสทั้งสามและพระธิดาไปพำนักอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงยืนกรานมาตลอดว่าพระสวามีเป็นผู้ดูแลเรื่องการเงินทั้งหมดของบริษัท โดยที่เจ้าหญิงเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวและสอบถามพระสวามีเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินทั้งเข้าและออกของบริษัท เพราะไม่มีความสนใจในเรื่องเหล่านี้ เนื่องจากทรงทุ่มเทเวลาให้กับพระโอรสและพระธิดาเป็นหลักย้อนกลับไปที่ “คิงฮวน คาร์ลอส” หลังการสละราชบัลลังก์เมื่อปี 2014 ส่งไม้ต่อให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์แทน ก็ตกเป็นเป้าขุดคุ้ยของสื่อสเปนในทุกเรื่อง ตั้งแต่การสร้างฮาเร็ม, การใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ และปัญหาคอร์รัปชัน ขัดกับภาพลักษณ์ความเป็นนักปฏิรูปประชาธิปไตยที่มีมาแต่ไหนแต่ไร ซ้ำเติมความไม่พอใจที่มีต่อสถาบันให้ยิ่งคุกรุ่นหนัก หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่เสด็จไปเที่ยวป่าล่าช้างในบอตสวานา เมื่อปี 2012 ทั้งๆที่ประเทศสเปนกำลังเผชิญกับความถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุด และมีคนตกงานมากถึง 24%ภายหลังลงจากบัลลังก์ยังถูกศาลสูงของสเปนเปิดการไต่สวนหาความเชื่อมโยงระหว่างอดีตกษัตริย์สเปนกับการที่กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของสเปนคว้าสัมปทานการก่อสร้างโครงการทางรถไฟความเร็วสูงในซาอุดีอาระเบีย จากเมืองเมดินาไปยังนครเมกกะ มูลค่ากว่า 6,700 ล้านยูโร โดยหนังสือพิมพ์สวิต “ลา ทริบูน เดอ เจเนฟ” เปิดโปงว่า อดีตกษัตริย์สเปนเคยได้รับเงิน 89 ล้านยูโร หรือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2008 ผ่านบัญชีลับธนาคารสวิตของมูลนิธิลูคัมในปานามา ก่อนจะผ่องถ่ายโอนเงินให้นักธุรกิจสาวเยอรมัน“คอรินนา ลาร์เซน” ซึ่งเป็นกิ๊กขององค์คิง...ยิ่งสาวยิ่งเจอตอ!!มิสแซฟไฟร์