ลมหนาวเริ่มมาเยือน ฝนเริ่มจะจางหาย กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกทานตะวันเตรียมรับมือ เพลี้ยจักจั่นฝ้าย แม้จะเป็นแมลงศัตรูพืชปากดูดที่มีระบาดได้ทั้งปี แต่การระบาดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อฝนทิ้งช่วงไปนานเพลี้ยจักจั่นฝ้าย ตัวเต็มวัยมีสีเขียวอ่อน ตาสีขาว มีปีก ลำตัวยาวประมาณ 3.0-3.2 มม. โดยเพศเมียจะบินวางไข่ในเนื้อเยื่อเส้นกลางใบหรือก้านใบ ส่วนตัวอ่อนมีรูปร่างคล้ายตัวเต็มวัย แต่ไม่มีปีกและมีขนาดเล็กกว่าทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะเข้าทำลายต้นทานตะวันในระยะต้นกล้า ด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบพร้อมทั้งปล่อยสารพิษลงบนใบทำให้เกิดอาการที่เรียกกันว่า hopper burn ด้วยใบที่ถูกกินมีอาการเหี่ยวเฉาคล้ายถูกน้ำร้อนลวก วันต่อมาใบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ แห้งและกรอบเป็นสีน้ำตาลแดงในที่สุดหากระบาดรุนแรง ใบทานตะวันจะเหี่ยวแห้งและร่วงไปในที่สุด กรณีที่พบการเข้าทำลายในระยะต้นกล้าจะส่งผลทำให้ต้นทานตะวันชะงักการเจริญเติบโต และต้นแคระแกร็นไม่เจริญเติบโตการป้องกันกำจัด เกษตรกรควรหมั่นสุ่มสำรวจต้นทานตะวันทุกสัปดาห์ หากพบตัวอ่อนเพลี้ยจักจั่นฝ้ายมากกว่า 2 ตัวต่อใบ ในระยะที่ต้นทานตะวันอายุไม่เกิน 45 วัน ให้เกษตรกรพ่นป้องกันกำจัดด้วยสารฆ่าแมลง อิมิดาโคลพริด 70% ดับเบิลยูจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไทอะมีทอกแซม 25% ดับเบิลยูจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อะซีทามิพริด 20% เอสพี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ บูโพรเฟซิน 25% ดับเบิลยูพี อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร.สะ–เล–เต