ต้องยกให้เป็นหนึ่งในคู่พี่น้องที่รักและผูกพันชนิดตายแทนกันได้ สำหรับ “ลูกไม้ อนุวัตเมธี” และ “ซีน–ดุสิตา อนุวัตเมธี” ทันทีที่พี่สาวเอ่ยปากขอให้น้องสาวคนเดียวลาออกจากทันตแพทย์ มาช่วยปลุกปั้นธุรกิจขนมและเบเกอรีสไตล์ฝรั่งเศส “Seenbangkok Cafe” เพื่อโกอินเตอร์ “น้องซีน” ก็ถอดเสื้อกาวน์ ยอมทิ้งความฝัน มาทำหน้าที่ทัพหลังคอยเสริมใยเหล็กสร้างระบบหลังบ้านให้แกร่ง“คุณพ่อเป็นเจ้าของโรงงานพลาสติกรายใหญ่ของประเทศ แต่คุณแม่เลี้ยงลูกแบบไม่อยากให้อยู่กับโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ เลยพยายามหากิจกรรมให้ลูกทำทั้งว่ายน้ำ, เทนนิส, ดนตรีไทย แต่มีกฎว่าถ้าเลือกทำแล้วต้องทำให้ดีที่สุด คือสิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แม่เห็นว่า “ไม้” เป็นเด็กชอบกินก็จะสนับสนุนทางนี้ ส่งไปเรียนคอร์สทำอาหารตั้งแต่ชั้นประถม เรามีความสุขมาก ได้ทำซาลาเปา, ลูกชุบ และขนมไทย ตอนเรียน ม.3 เลยบอกแม่ว่า “ไม้” ชอบทำอาหารที่สุดแล้ว อยากเป็นเชฟเมืองนอก แม่เลยส่งเข้าโรงเรียนประจำที่โฮลี่ เป็นโรงเรียนพาณิชย์อินเตอร์ ต้องพูดแต่ภาษาอังกฤษ เราเริ่มจากภาษาอังกฤษเป็นศูนย์ ฮึดสู้หยิบดิกชันนารีมาท่องทุกวัน จนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 4 ทุกตัว ตอนอยู่หอเข้าไปป้วนเปี้ยนในครัวตลอด กลายเป็นพรสวรรค์ที่กินอะไรปุ๊บจะรู้เลยว่าเขาทำยังไง แล้วมาปรับสูตรใหม่ให้เป็นสไตล์เรา”...ลูกไม้ บอกเล่าถึงความฝันในวัยเยาว์ ที่กลายเป็นธุรกิจหลายร้อยล้าน จากที่ชอบแกะสูตรอาหาร เปิดโลกสู่การทำขนมสไตล์ฝรั่งเศสได้ยังไงซีน : แรงบันดาลใจให้ “พี่ไม้” อยากทำขนมสไตล์ฝรั่งเศส เกิดจากตอน ม.ต้น แม่ซื้อทัวร์ให้พวกเราไปเที่ยวฝรั่งเศส สองพี่น้องหนีการช็อปปิ้งมาตะลุยหาของกิน จำได้ว่า “พี่ไม้” ไปยืนตะลึงอยู่หน้าร้านขายทาร์ตเลม่อน คือทั้งรสสัมผัสทั้งความนุ่มหอมอร่อยมันจำติดใจ พอกลับมาเมืองไทย “พี่ไม้” แกะสูตรทำทาร์ตเลม่อน ซีนว่าอร่อยมากๆแล้ว แต่พี่สาวไม่ยอมต้องลองทำแล้วทำอีกให้เป๊ะลูกไม้ : หลังเรียนจบโฮลี่ ขอคุณแม่เรียนต่อโรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล อยากทดสอบตัวเองว่าถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่ในครัวทั้งวัน เราจะอยู่ได้ไหม ปรากฏว่าสนุกมาก เป็นช่วงเวลามีความสุขที่สุด เรียนกะหนึ่ง 8 ชั่วโมง ได้เรียนรู้ทุกครัว ทั้งการปรุงอาหารนานาชาติ, การทำขนมและเบเกอรี หรือแม้แต่ครัวไทย ตอนใกล้เรียนจบถามตัวเองว่าเราอยากเป็นเชฟเมืองนอก หรืออยากเป็นเจ้าของกิจการเหมือนคุณพ่อ ได้คำตอบว่าการเป็นลูกจ้างไม่ตอบโจทย์เรา เลยมุ่งมั่นว่าจะเปิดร้านขายขนมและเบเกอรีของตัวเอง ตอนนั้นเพิ่งอายุ 20 เพิ่งเรียนจบแท้ๆไปเอาความมั่นใจมาจากไหนลูกไม้ : เราเป็นคนทำอะไรต้องทำให้สุด ถ้าตั้งเป้าแล้วต้องไปให้ถึง ระหว่างทางจะยากแค่ไหนก็สู้ ที่จริงเป็นคนชอบทำอาหาร แต่คิดว่าไม่สามารถใส่ไอเดียสร้างสรรค์ได้เท่าขนมและเบเกอรี พอตั้งธงว่าจะเปิดธุรกิจส่วนตัวเลยไปลงเรียนบริหารที่มหาวิทยาลัยมหิดล อินเตอร์ ระหว่างเรียนบ้าคลั่งมาก แอบไปเรียนทำเบเกอรีกับเชฟญี่ปุ่นดังที่ย่านสุขุมวิท ทุกวันต้องตื่นตีสามขับรถจากบ้านย่านพุทธมณฑล สาย 2 ไปเรียนทำขนมกับอาจารย์ ช่วยเป็นลูกมือทุกอย่างไม่เอาเงินเดือน แล้วก็บึ่งรถกลับมาเรียนที่มหิดล พอตกเย็นกลับไปช่วยอาจารย์เก็บกวาดร้านอีก ทำอย่างนี้เป็นปี จนอาจารย์เห็นความตั้งใจ “ไม้” รู้สึกว่าสนุกและมีความสุข ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย พอได้วิชาทำขนมและเบเกอรีญี่ปุ่น จึงเปิดร้าน “Tokyo Dessert” ที่ย่านพุทธมณฑล สาย 2 ซึ่งเป็นถิ่นใกล้บ้านซีน : วันแรกที่เปิดร้านยังไม่มีตู้เค้กด้วยซ้ำ แต่ลูกค้าซื้อเกลี้ยง แล้วบอกต่อๆกันจนคนแน่นร้าน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ขนมสไตล์ญี่ปุ่นและฝรั่งเศสยังเป็นอะไรที่ใหม่มาก ร้านเราดังจากเครปเค้กห่อไส้คัสตาร์ดครีมสดกับผลไม้ และเค้กช็อกโกแลตกล้วย คุณพ่อซัพพอร์ตเรื่องเงินทุนไหมคะ ท่านชี้แนะอะไรบ้างลูกไม้ : ปะป๊าไม่สปอยล์ลูกเลย ทั้งๆที่ธุรกิจของครอบครัวใหญ่โตมาก แต่ถ้าอยากได้เงินลงทุนก็ต้องยืมแล้วมาใช้คืนพร้อมดอกเบี้ย ก้อนแรกยืมปะป๊า 5 ล้านบาท เพื่อเปิดร้าน “Tokyo Dessert” ใช้คืนภายใน 2-3 ปี ซึ่งถือว่าเร็วมาก เปิดได้ 4 ปี ก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งความสำเร็จก้าวใหญ่มาถึงเร็วกว่าที่คิด?ลูกไม้ : ขนมร้านเราเตะตาทรูคอฟฟี่ เขาติดต่อเข้ามาเอง ทำให้เข้าสู่ธุรกิจรับจ้างผลิต OEM เต็มตัว ต้องไปขอยืมเงินป๊า 10 ล้านบาท เพื่อเปิดโรงงานเบเกอรี ทำส่งทรูคอฟฟี่วันหนึ่ง 1,000 กว่าชิ้น ทำอยู่ 2-3 ปี เริ่มมีลูกค้าเจ้าใหม่ๆ เช่น “เดอะ คอฟฟี่ บีน แอนด์ ที ลีฟ” เวลาดีลลูกค้าคำถามเดียวคือพี่อยากให้ขนมออกมาเป็นแบบไหน แล้วเราคิดสูตรให้หมดเพื่อเป็นซิกเนเจอร์ร้านเค้า โรงงานเราใช้แต่ของดีและวัตถุดิบจากฝรั่งเศส แต่ที่พีกสุดคือติดต่อห้างฯเซ็นทรัลจะเอาคุกกี้ไปขาย คิดว่าคงไม่ได้เพราะเป็นเด็กน้อยโนเนม แต่คนเซ็นทรัลติดต่อมาว่าเครปเค้กคุณสุดยอดมาก ออเดอร์ทะลักทุกวัน ไม่ได้นอน 3-4 วันติดกัน เลยต้องปิดร้าน “Tokyo Dessert” เพราะทำไม่ไหว เราคิดให้หมดลูกค้าจะเอาวิลิศมาหราขนาดไหนแค่โยนโจทย์มา จุดเปลี่ยนใหญ่อีกครั้งคือ ได้ทำ OEM ผลิตให้ร้านกาแฟอเมซอน ออเดอร์วันละเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ทำแบบนี้อยู่ 6-7 ปี แล้วมีเวลาไปปลุกปั้น “Seenbangkok Cafe” จนโด่งดังได้อย่างไรลูกไม้ : อยู่แต่ในโรงงานร่างแหลกมาก ถามตัวเองว่าแล้วแพชชันของฉันอยู่ที่ไหน ฉันอายุ 29 แล้ว รู้สึกว่าเราใส่ไอเดียได้มากกว่านี้ เลยแอบปะป๊าไปเปิดร้านใหม่ชื่อว่า “Seenbangkok Cafe” ตั้งอยู่ถิ่นเดิมคือพุทธมณฑล สาย 2 ตั้งใจทำเป็นคาเฟ่สวยๆในบรรยากาศร่มรื่น รายล้อมไปด้วยสวนและต้นไม้ คราวนี้มีเงินทุนของตัวเอง เก็บเงินได้ 20-30 ล้านบาท ตอนแรกป๊าไม่เห็นด้วย แต่นี่คือความฝันของเรา ใช้ชื่อน้องสาวเป็นชื่อร้าน เพราะรักน้องมาก และชื่อนี้มีความหมายลึกซึ้ง คราวนี้เราอัดเต็มที่ งัดวิชาที่ร่ำเรียนมาทั้งหมด ได้ทำเค้กสไตล์ฝรั่งเศสจริงๆแบบไม่ต้องอั้น เปิด “Seenbangkok Cafe” เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทำทุกอย่างด้วยใจใส่แพตชันเข้าไปเต็มที่ ไม่ได้คิดเรื่องการตลาด แต่ร้านเราดังเร็วมาก แจ้งเกิดจากขนมปังไชยาไข่ย้อย กับขนมปังช็อกโกเลอะ เชื่อไหมก่อนเกิดโควิดมีคนจีนเอาทัวร์มาลงต่อแถวซื้อ “ขนมปังทุเรียนนมสด” โกอินเตอร์ขนาดนั้น อะไรคือความสุขของการทำขนมและเบเกอรีลูกไม้ : การทำเบเกอรีจริงๆไม่สวยงาม ต้องอึดถึกลุยมาก ตอนนั้นไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกแพชชัน รู้แต่ว่าทุกครั้งที่เราทำขนมจะมีความสุข ไม่ว่าเหนื่อยยากแค่ไหน แต่เราก็พร้อมสู้เต็มที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ถึงคนจะชมว่าอร่อย สำหรับเรายังไม่พอ ต้องทำให้ว้าวขึ้นกว่าเดิม เราไม่แข่งกับใครแต่จะแข่งกับตัวเอง รู้สึกว่าอยากพอดีกับสิ่งที่มันควรเป็น ชีวิตก็จะหฤโหดสุดโต่ง วันๆ ทุ่มอยู่กับการทำขนม เก็บไปฝันทุกคืนว่าคิดสูตรขนมใหม่ๆ เอกลักษณ์ที่สร้างความแตกต่างให้ “Seenbangkok” อยู่ตรงไหนลูกไม้ : ขนมฝรั่งเศสใครก็ทำได้ถ้าเรียนมา แต่อยู่ที่จะใส่องค์ประกอบยังไงเพื่อสร้างเอกลักษณ์ คือลูกค้ากินแล้วแสงออกปาก เค้กแต่ละตัวกว่าจะเสร็จต้องทำ 3-4 วัน ขั้นตอนมันมาก แต่ผลลัพธ์คุ้มกับที่เหนื่อย พี่น้องคู่นี้ฝันใหญ่ฝันไกลขนาดไหนลูกไม้ : อยากให้ทุกคนได้ชิมขนมฝรั่งเศสฝีมือคนไทย ทุกเดือนจะคิดโปรดักส์ใหม่ๆ อันนี้เกิดจากแพชชันเราเอง หลังเปิดร้านนี้ 2-3 ปี ก็คุยกับน้องสาวว่า ใจฝันใหญ่อยากเอาธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น หรือไม่ก็ต้องดังเป็นที่รู้จักแบบ S&P แต่คงทำคนเดียวไม่ไหว อยากให้น้องสาวออกจากหมอฟันมาช่วย รู้สึกว่าเราพร้อมที่สุดแล้วตอนนี้ ทั้งเจ็บ ทุกข์ สุข แฮปปี้ เหนื่อย ถ้าเร็วกว่านี้ก็ไม่พร้อม ถึงเวลาต้องก้าวจาก “Seen” เล็กๆ ขึ้นไปเป็น “Seen” ใหญ่ๆ ที่คนรู้จักทั้งประเทศ ต่อไปเราจะขยายธุรกิจอีกเยอะ ภายใต้กลุ่มธุรกิจใหม่ในเครือ “Scene Group” เป็นการเปิดฉากใหม่ของชีวิต เพื่อตอกย้ำว่าเราเป็นกูรูขนมและเบเกอรีฝรั่งเศสจริงๆซีน : อาณาจักรใหม่ตั้งอยู่ตรงถนนตัดใหม่เส้นพรานนก พื้นที่กว่า 5 ไร่ พร้อมเปิดเดือน ก.พ.ปีหน้า ภายในโครงการจะมีร้านโอมากาเสะด้วย ชื่อว่า “Zachi” พวกเราอยากเปิดร้านอาหารและเบเกอรีดีๆในบรรยากาศร่มรื่น ใครมาเยือนก็หายเหนื่อยและได้ความสุขสดชื่นกลับไปลูกไม้ : พวกเราทุ่มประสบการณ์เพื่อสร้าง “Scene” ให้เป็นอาณาจักรความอร่อยครบวงจร มีทั้งอาหาร, ขนม, เบเกอรี บรรยากาศดี และบริการก็ต้องดี ปีนี้อายุ 33 แล้ว ฝันว่าภายใน 4 ปีนี้ อยากเอาแบรนด์เราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสิ่งที่คนไทยทำแล้วอร่อย ก็อยากให้ต่างชาติได้กรี๊ดๆๆ ยอมรับในฝีมือคนไทยบ้าง ไม่ใช่เราตามไปกรี๊ดแต่ของฝรั่ง เมืองไทยมีดีกว่าทุเรียนกวน, ทองม้วน, ต้มยำกุ้ง เราสามารถครีเอตอะไรได้อีกเยอะ เพื่อสร้างแวลูให้กับความเป็นไทย ส่วนถ้าจะรวยร้อยล้านพันล้านก็ถือเป็นโบนัส อะไรคือแรงใจสำคัญทำให้สู้จนมีวันนี้ลูกไม้ : เป็นคนรักครอบครัวมาก ทุกอย่างที่ทำเพื่อให้แม่ภูมิใจ ครอบครัวคือที่สุดของเรา ทุกโมเมนต์ดีๆในชีวิตจะต้องมีแม่และน้องอยู่ด้วยเสมอ แม่อยากได้อะไรอยากทำอะไรเต็มที่เลย เงินหามาได้เท่าไหร่ยกให้แม่หมด เราฝันอยากมีบ้านบนภูเขา มีบ้านริมทะเล และอยากพาแม่ไปเที่ยวรอบโลก เมื่อก่อนโทรศัพท์ต้องรุ่นล่าสุด แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากได้อะไรแล้ว นอกจากทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ