ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาครูซ ในสหรัฐอเมริกา เผยถึงการกำเนิดระบบสุริยะของเราว่า น่าจะก่อตัวขึ้นในเมฆโมเลกุลขนาดยักษ์ร่วมกับกระจุกดาวอายุน้อย และเหตุการณ์ซุปเปอร์โนวาอย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์จากดาวมวลมากบางดวงในกระจุกดาวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นักดาราศาสตร์ก็ยังต้องการข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆมาไขความกระจ่างเรื่องนี้ล่าสุดมีงานวิจัยใหม่ของจอห์น ฟอร์บส์ จากศูนย์ฟิสิกส์ดาราศาสตร์เชิงคำนวณของสถาบันแฟลตไอร์ออน ในสหรัฐอเมริกา ได้ใช้ข้อมูลจากหอสังเกตการณ์ ดาวเทียม และกล้องโทรทรรศน์รังสีแกมมาในอวกาศ ตรวจจับรังสีแกมมาที่ปล่อยออกมาจากสารกัมมันตรังสี Aluminium-26 เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีขององค์ประกอบทางเคมีของอะลูมิเนียมที่มีอายุสั้น จนสามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำในพื้นที่กำเนิดดวงดาว 2 แห่งเท่านั้น โดยข้อมูลที่ดีที่สุดมาจากบริเวณที่ก่อเกิดดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวคนแบกงู (Ophiuchus) ซึ่งกระบวนการที่เห็นในกลุ่มดาวแห่งนี้คือระบบดาวดวงใหม่จำนวนมากจะเกิดมาพร้อมกับปริมาณ Aluminium-26 จำนวนมาก และนั่นมีความสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อตัวระบบสุริยะของเราเมื่อ 5,000 ล้านปีก่อนนักวิจัยเผยว่าตอนนี้มีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกว่ามีโอกาส 59% ที่จะเกิดจากซุปเปอร์โนวา และมีโอกาส 68% ที่จะมาจากหลายแหล่ง ไม่ใช่แค่ซุปเปอร์โนวาเพียงแห่งเดียว นอกจากนี้ ผลวิจัยใหม่ยังแสดงให้เห็นว่าปริมาณนิวไคลด์กัมมันตรังสีอายุสั้นที่รวมอยู่ในระบบดาวฤกษ์ที่ก่อตัวขึ้นใหม่อาจแตกต่างกันอย่างมาก.(ภาพประกอบ Credit : Forbes et al., Nature Astronomy 2021)