มันสำปะหลัง อีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจของไทย วันนี้ไม่ใช่แค่ทำได้แค่มันเส้น ส่วนประกอบอาหาร อาหารสัตว์ หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอีกต่อไป แต่ยังสามารถนำมาทำเป็นทรายแมว ถือเป็นอีกช่องทางขายผลผลิตของเกษตรกรชาวไร่มัน โดยเฉพาะในยามมันสำปะหลังราคาตกต่ำอภินันท์ มหาศักดิ์สวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด เผยว่า แม้ไทยจะส่งออกมันสำปะหลังเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่เกษตรกรมักถูกกดราคา มองว่าน่าจะนำมันสำปะหลังมาแปรรูป เพื่อเป็นทางหนึ่งในการช่วยระบายผลผลิตของเกษตรกร ด้วยคุณสมบัติเป็นแป้งที่ดูดซับทั้งกลิ่นและความชื้นได้ดีของมันสำปะหลัง ประกอบกับเป็นคนรักแมว จึงน่าจะสามารถนำมาทำเป็นทรายแมวได้ “ช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ โควิด-19 ระบาดรอบแรก ได้ทำวิจัยเรื่อยมา กระทั่งได้ทรายแมวจากมันสำปะหลัง ไฮด์แอนด์ซีค (Hide & Seek) ผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่ใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลัง 100% ที่ปลูกในประเทศไทย ถือเป็นเจ้าแรกของโลก ที่ใช้มันสำปะหลังมาทำเป็นทรายแมว ช่วยเพิ่มมูลค่ามันสำปะหลัง กก.ละ 5 บาท เป็น 80 บาท ปัจจุบันได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ทรายแมวจากมันสำปะหลัง ไฮด์แอนด์ซีค เป็นการนำเอามันสำปะหลังมาผ่านการให้ความร้อนและความดันที่เหมาะสม ทำให้เกิดกระบวนการ Pregela tinization กับโมเลกุลของแป้ง ช่วยปรับปรุงสมบัติเชิงโมเลกุลของสตาร์ชในมันสำปะหลัง จนได้ทรายแมวเม็ดเล็กละเอียด ดูดซับของเหลวและกลิ่นได้ดีขึ้น ช่วยเก็บกลิ่นปัสสาวะของแมวได้ดีกว่าทรายแมวทั่วไปตามท้องตลาด ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สามารถจับตัวเป็นก้อนหลังจากแมวใช้งานเสร็จ ทำให้สะดวกในการเก็บ และสามารถนำไปทิ้งในชักโครกได้ เพราะมันสำปะหลังมีคุณสมบัติที่สามารถละลายแตกตัวในน้ำได้เร็ว และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ที่สำคัญยังปลอดภัยกับแมวและผู้เลี้ยงอีกด้วย เพราะหากแมวเผลอกินเข้าไป ไม่เป็นอันตราย เพราะทำจากมันสำปะหลัง 100% ทั้งนี้ ทรายแมวจากมันสำปะหลัง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศระดับภูมิภาค ภาคกลาง ตามโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยระดับภูมิภาค ภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ” ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เพื่อสร้างตัวอย่างการทำธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาคให้คนในพื้นที่ ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรม และเรียนรู้กระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรม ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของ Edutainment เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เข้าถึง และเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ให้สตาร์ตอัพและเอสเอ็มอีในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมอย่างเต็มที่.