การชุมนุมของกลุ่มเยาวชน ในหลายเดือนที่ผ่านมา ใช้ชื่อต่างกันหลายกลุ่ม จนแทบจำไม่ไหว มีทั้งกลุ่มธรรมศาสตร์ชุมนุม กลุ่มนักเรียนเลวและอื่นๆ ก่อนที่จะเรียกว่า “คณะราษฎร 63” เป็นชื่อที่ใช้นานที่สุด บางครั้งเคยใช้ชื่อ “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” โดยไม่มีใครเอะใจ ทั้งที่คำว่า “ปลดแอก” เป็นภาษา คอมมิวนิสต์แต่เพิ่งจะมาเอะอะโวยวาย เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่มเปิดสัญลักษณ์ใหม่ เป็นอักษรย่อภาษาอังกฤษ “RT” บางฝ่าย ตีความหมาย หรือมองว่าเป็นค้อน กับเคียว หมายถึงผู้ใช้แรงงานกับชาวนา เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ของหลายประเทศ ใน “สงครามปลดแอก” เช่น การต่อสู้ในจีนมีเสียงเอะอะโวยวาย ปลุกผีคอมมิวนิสต์ขึ้นมาใหม่ ทำให้นักร้องขาประจำ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ถึงกับเรียกร้องให้รัฐบาลปัดฝุ่น นำ พ.ร.บ.ป้องกันการกระทำ อันเป็นคอมมิวนิสต์ กลับมาบังคับใช้อีก หลังจากที่ถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2543 เป็นกฎหมายที่ถือว่าล้มเหลวพ.ร.บ.ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2495 ชาวบ้านทั่วไปยังไม่รู้ คอมมิวนิสต์คืออะไร และขณะนั้นมีคอมมิวนิสต์อยู่มากน้อย แค่ไหน ชาวบ้านรู้จักคอมมิวนิสต์จากการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลและอเมริกัน ที่วาดภาพคอมมิวนิสต์เป็นยักษ์เป็นมาร “คอมมิวนิสต์มารศาสนาจะถูกทำลาย”แต่กลุ่มคนที่รัฐบาลตราหน้าเป็นคอมมิวนิสต์ หลายครั้งกลายเป็นนักหนังสือพิมพ์ นักการเมือง หรือศิลปิน ที่ได้รับเชิญไปเยือนจีนคอมมิวนิสต์ ที่ถูกจับยัดคุกทันทีที่เดินทางกลับไทย หมายความว่าแค่เดินทางไปจีน ก็กลายเป็นคอมมิวนิสต์ ถ้าเอาเกณฑ์นี้มาใช้เมื่อหลายปีต่อมา รับรองว่าจะมีคนโดนข้อหาคอมมิวนิสต์ ไม่รู้กี่ล้านคนเห็นได้ชัดว่า พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทั้งในการป้องกันและ ปราบปราม เพราะในช่วงเวลานั้น พรรค คอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเข้มแข็งขึ้นถึงกับประกาศสงครามกับรัฐบาล และมีนักศึกษาหลั่งไหลเข้าป่า เพื่อจับปืนต่อสู้กับรัฐบาลจำนวนมาก หลังเหตุนองเลือด 6 ตุลาคม 2519 แต่สงครามยุติเพราะกฎหมายอื่นนั่นก็คือคำสั่งของรัฐบาลเมื่อปี 2523 ที่เรียกร้องให้คอมมิวนิสต์วางอาวุธกลับมาช่วยพัฒนาชาติไทย จะได้รับอภัยโทษทุกอย่าง สงครามจบลงด้วยกฎหมายอภัยโทษ ตั้งแต่บัดนั้นไทยไม่มีปัญหาคอมมิวนิสต์อีกเลย จะปลุกผีคอมมิวนิสต์ขึ้นมาทำไมจะกลายเป็นวาทกรรม เพื่อชี้หน้ากลุ่มเห็นต่างเป็น “คอมมิวนิสต์” คนชังชาติ และแตกสามัคคี.