“นักเรียนเลว” ขยับรุกไล่ “ณัฏฐพล” พ้นเก้าอี้ ประกาศยกระดับชุมนุมใหญ่ 21 พ.ย. จ่อเข้าร่วมม็อบใหญ่ ทำเนียบฯเรียกฝ่ายมั่นคงถกรับมือม็อบราษฎร 8 พ.ย. “บิ๊กป้อม” ไม่ห่วงแต่อย่าทำผิด ก.ม. มอบนโยบายผู้ว่าฯทั่วประเทศร่วมปกป้องสถาบัน ตร.เตือนม็อบห้ามล้ำเขตพระราชฐาน “ชวน” กรีด “สิระ” ลามปามผู้อาวุโส เดินหน้าจับเข่าคุยหาทางออก “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ยินดีร่วมแต่ขอดูกรอบงานที่ชัดเจนก่อน “อนุชา” ปลุก พศ.ร่วมปลูกฝังรักสถาบัน ตร.หัวหมากขยับทำคดีเสื้อเหลืองรามฯทำร้าย นศ. การันตีหลักฐานครบ ขู่ไม่มาเจอหมายจับบรรยากาศการเมืองกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังกลุ่มราษฎรประกาศยกระดับนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 8 พ.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนขบวนไปยื่นจดหมายถึงสถาบัน ล่าสุดกลุ่มนักเรียนเลวได้ประกาศยกระดับเช่นกัน นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 21 พ.ย. เพิ่มแรงกดดันไปที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดยตรง “นักเรียนเลว” รุกไล่ “ณัฏฐพล”เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มนักเรียนเลว (นรล.) นำโดยนายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ หรือ “มิน” นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แกนนำกลุ่มฯ พร้อมเพื่อนๆจากโรงเรียนต่างๆประมาณ 10 คน ร่วมกันอ่านแถลงการณ์นักเรียนเลวและแนวร่วมองค์กรนักเรียน มีใจความระบุว่า สืบเนื่องจากนักเรียนเลว และองค์กรนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ได้จัดชุมนุมและกิจกรรมเรียกร้องให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียน รวมไปถึงในระบบการศึกษาต่อกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มาต่อเนื่อง แต่กระทรวงศึกษาธิการ นำโดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ มิได้สนใจแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้อง ขาดวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ อ้างว่าการชุมนุมของนักเรียนมีผู้อยู่เบื้องหลัง สร้างภาพกับสื่อว่ารับฟังนักเรียน เพิกเฉยให้นักเรียนเผชิญปัญหาต่อไป การกระทำเช่นนี้นับเป็นการดูหมิ่นนักเรียนอย่างมาก ไม่สมควรดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการอีกต่อไป เคยยื่นหนังสือให้นายณัฏฐพลลาออกจากตำแหน่ง แต่ก็มิได้ดำเนินการใดๆประกาศยกระดับชุมนุมใหญ่นายลภนพัฒน์กล่าวว่า หากการเรียกร้องกับ ศธ. ยังไม่ทำให้ระบบการศึกษาพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ทางกลุ่มเตรียมยกระดับการเรียกร้องไปที่ต้นตอของปัญหา คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เป็นผู้เลือกนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ มาดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาฯ กลุ่มนักเรียนเลวและองค์กรนักเรียนแนวร่วมขอประกาศจัดชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 21 พ.ย. เพื่อยกระดับการเรียกร้องให้เสียงของพวกเราไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน การศึกษาไม่ได้รับการพัฒนาเพราะการเมืองมีปัญหา เราจะเปล่งเสียงแห่งการเปลี่ยนแปลงออกมา ถ้าการเมืองดีเราจะมีการศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม ทั่วถึง และเคารพสิทธิ ส่วนเวลาและสถานที่ จะประกาศอีกครั้งทางเพจนักเรียนเลว การยกระดับการชุมนุมครั้งนี้ยังคงยึดเรื่องการศึกษา แต่จะยกระดับพูดเรื่องอื่นด้วย เพราะมองว่าที่การศึกษาไม่ได้รับการพัฒนาเพราะการเมืองมีปัญหา เราในฐานะนักเรียนสามารถส่งเสียงเพื่อให้การเมืองดีขึ้นในทุกๆด้านรอประกาศเข้าร่วมม็อบใหญ่แกนนำกลุ่มนักเรียนเลวกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเรายังไม่ตอบรับข้อเรียกร้องว่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ แต่หลังจากวันนี้ทางกลุ่มเตรียมประกาศเพื่อดำเนินการชุมนุมให้เป็นไปในทางเดียวกัน ทุกเรื่องที่เราเรียกร้อง นายณัฏฐพลตอบรับทุกเรื่อง แต่ไม่ยอมดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ยังมีนักเรียนถูกคุกคาม ถูกบังคับให้ทำตามกฎระเบียบที่ล้าหลัง และการศึกษายังไม่มีคุณภาพเหมือนเดิม ทำให้เห็นว่าข้อเรียกร้องที่กลุ่มเคยให้ไว้ยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ นอกจากนี้ เรายังปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา ที่ทาง ศธ.ตั้งขึ้นมาแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นไปด้วยความล่าช้า ส่อให้เห็นความไม่โปร่งใส ไม่ชัดเจน จึงปฏิเสธที่จะเข้าร่วมทำเนียบฯถกรับมือชุมนุม 8 พ.ย.ช่วงสายที่ทำเนียบรัฐบาล นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เชิญหน่วยงานภายในกำกับดูแลทำเนียบรัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคง อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรุงเทพมหานคร และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เข้าหารือเตรียมพร้อมรับมือหลังกลุ่มราษฎรประกาศจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 พ.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 (ผกก.4 บก.ส.3) รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภายในทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า เป็นการประชุมเฝ้าติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม ว่าจะเคลื่อนขบวนไปในลักษณะใด และใช้เส้นทางไหน ภายในทำเนียบรัฐบาลเบื้องต้นได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลและตำรวจนครบาล ไว้ประมาณ 2 กองร้อย หรือ 300 นาย ให้อยู่ในที่ตั้ง เพื่อรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ขณะที่บริเวณรอบนอกเป็นตำรวจนครบาล ทั้งนี้ นายกฯไม่ได้กำชับหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ “บิ๊กป้อม” ไม่ห่วงแต่อย่าผิด ก.ม.เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มราษฎรวันที่ 8 พ.ย. ว่า อย่าทำผิดกฎหมายแล้วกัน ทางการข่าวขณะนี้ยังไม่มีอะไร ส่วนการป้องกันสถานที่สำคัญ เช่น ทำเนียบรัฐบาล เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแล ส่วนการพูดคุยเจรจาของคณะกรรมการสมานฉันท์นั้น เป็นเรื่องของอดีตนายกฯกับประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนผลจะออกมาในทางที่ดีหรือไม่ แล้วแต่การพูดคุย เมื่อถามถึงท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ไปพูดเปิดหลักสูตร วปอ. มองว่าเป็นการถอดใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า จะไปรู้ได้อย่างไร คุยกับนายกฯแค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่เคยคุยเรื่องกำลังใจให้นโยบายผู้ว่าฯปกป้องสถาบันต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและภารกิจสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยประจำปีงบประมาณ 2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ เป็นการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปทุกจังหวัด พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายการดำเนินงานว่า ต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องและเทิดทูนต่อสถาบันหลักของชาติ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และขยายผลการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในทุกพื้นที่ ให้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของจิตอาสา และสนับสนุนศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานในระดับจังหวัดและอำเภอ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) รวมทั้งขอให้ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อสร้างความเข้าใจและป้องกันไม่ให้เกิดข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์มท.1 หนุนกลุ่มเทิดทูนสถาบันพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งให้ทุกฝ่ายดูแลความสงบเรียบร้อยและให้ทุกคนทำตามกฎหมายเพราะประเทศต้องสงบ ไม่ว่าจะมีการชุมนุมหรือความเห็นต่างอย่างไร แต่ขอให้สงบเรียบร้อย ส่วนการที่มีประชาชนออกมาปกป้องเทิดทูนสถาบันนั้น พล.อ.ประวิตรได้ให้นโยบายเรื่องนี้ไปแล้ว เป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่จะแสดงออก กระทรวงมหาดไทยให้การสนับสนุน และหวังว่าทุกคนจะปกป้องเทิดทูนสถาบันให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนไทยเตือนม็อบห้ามล้ำเขตพระราชฐานที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. แถลงว่า วันที่ 8 พ.ย. การชุมนุมใหญ่ ตำรวจจะใช้แผนการชุมนุม 63 ดำเนินการเหมือนการชุมนุมที่ผ่านมา มั่นใจว่าสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยได้ โดยแบ่งพื้นที่สำคัญออกเป็น 3 ส่วน 1.พื้นที่สนามหลวงและพื้นที่โดยรอบถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 เป็นผู้รับผิดชอบ 2.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงถนนราชดำเนินกลาง พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รรท.ผบก.น.1 ดูแล 3.พื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์และแยก จปร. มี พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ดูแล และมีชุดเคลื่อนที่เร็ว 12 กองร้อย เคลื่อนที่ไปดูแลบริเวณที่มีการชุมนุม ฝากเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมได้ตามสิทธิ แต่ห้ามชุมนุมในเขตพระราชฐานรัศมี 150 เมตรโดยเด็ดขาด ฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย หากถูกดำเนินคดีจะมีประวัติติดตัว“กวิ้น-รุ้ง-ไมค์” ยังไม่มีคดีให้อายัดเมื่อถามถึงกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) และนายภานุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) ออกจากโรงพยาบาลไปพักรักษาตัวที่บ้านจะอายัดตัวอีกหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะตอบว่า เบื้องต้นไม่มีการอายัดตัวดำเนินคดีเพิ่ม แต่หากพบมีคดีที่ยังไม่ดำเนินการสอบสวนจะขออายัดตัวตามขั้นตอนกฎหมาย ขณะนี้คดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้เข้าสู่การสอบสวนไปหมดแล้ว ยืนยันว่าทำตามกระบวนการสอบสวน ปัดปิดทวิตเตอร์ 2 แกนนำราษฎรพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นการชุมนุมตลอดทั้ง 3 วันหลังจากนี้ยังไม่มีการขออนุญาตชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ หากใครผิดกฎหมายจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีที่ทวิตเตอร์บัญชี Freeyouth และแกนนำอีก 2 บัญชี ของนายฟอร์ด ทัตเทพ และนายเจมส์ ภาณุมาศ ถูกปิดชั่วคราวนั้น การเฝ้าระวังโซเชียลมีเดียเป็นหน้าที่ของหลายหน่วยงาน ไม่ใช่ของ ตร. แต่หากพบการใช้สื่อโซเชียลในทางที่ผิดต้องดำเนินการตามขั้นตอน“ชวน” กรีด “สิระ” ลามปามผู้อาวุโสเมื่อเวลา 12.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะ กรรมการสมานฉันท์ว่า ยังไม่อยากแสดงความคิดเห็นมาก เพราะไม่อยากตกเป็นเหยื่อทางวาจาให้กับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวเตือนนายสิระว่า หากจะวิพากษ์พิจารณ์อะไรควรต้องให้เกียรติผู้สูงอายุด้วย ถึงจะมีอายุมากแต่ไม่ได้หมายความว่าบุคคลเหล่านั้นจะไม่ทราบอะไร ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ และเจอปัญหาต่างๆ มาก่อน ยืนยันว่าไม่รู้สึกท้อ และไม่มีปัญหาส่วนตัวกับใคร ไม่ได้โกรธใคร พร้อมรับคำแนะนำ “แต่ขอเตือนว่าอย่ามองผู้สูงอายุในทางลบ คนจะผ่านชีวิตมาถึงขั้นที่เปรียบเทียบว่าดองเค็มได้นั้น ต้องระวัง คนพูดจะไปดองในฟอร์มาลิน ต้องระวังร่างกายด้วย”เดินหน้าจับเข่าคุยหาทางออกนายชวนกล่าวต่อว่า การเข้าพบกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไม่ได้เพื่อประสานงานให้ท่านมาเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ แต่เพื่อศึกษาวิธีการแก้ปัญหา ทั้งเรื่องที่ทำแล้วได้ผล และไม่ได้ผล แต่เชื่อว่ามีประโยชน์ อีกทั้งผู้ใหญ่บางคนไม่สบายใจ จึงต้องเป็นการหารือกันภายใน แต่ทุกคนต่างเห็นด้วยในการแก้ปัญหาให้ส่วนรวม และทุกท่านล้วนมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง ขณะเดียวกันมีคนอาสาอยากมาเป็นกรรมการมาก แต่ยังไม่แน่ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการฯหรือไม่ สิ่งที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอ เป็นเพียงการพูดคุยกัน ส่วนจะทำได้หรือไม่ต้องพิจารณากันต่อ ต้องไม่รีบร้อนย้อนไหนว่าความสงบจบที่ “ลุง”ด้านนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำกล่าวเปิดหลักสูตรวปอ. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเป็น คำพูดที่สื่อให้เห็นว่ากำลังสำคัญตัวผิด คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศ และทะนงตัวว่าเป็นเหมือนซุปเปอร์แมนนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จได้แต่เพียงผู้เดียว และยังท้าทายว่าถ้ามีใครเก่งกว่าซื่อสัตย์กว่าตัวเอง ให้เข้ามาเป็นนายกฯแทนนั้น ความจริงในอดีตมีนายกฯที่มีคุณสมบัติไม่ด้อยกว่าพล.อ.ประยุทธ์ หรืออาจเหนือกว่า พล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำไปอีกหลายคน เช่น นายชวน หลีกภัย นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และความสงบที่สังคมคาดหวัง ได้จบที่ “ลุงตู่” จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาอาจเกิดภาพลวงตาว่าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ก็เพราะเป็นยุค คสช. ที่มีมาตรา 44 อยู่ในมือ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ สุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ก็หันไปใช้บริการลิ่วล้อระบอบทักษิณ มาค้ำบัลลังก์ตัวเอง“สมชาย” ยินดีแต่ขอดูกรอบงานผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการทาบทาม 4 อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แก่ นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ร่วมวงหารือแนวทางสมานฉันท์ โดยนายชวนระบุว่า ทั้งนายอานันท์ พล.อ.ชวลิต และนายอภิสิทธิ์ ตอบรับคำเชิญยินดีสนับสนุนให้ความร่วมมือ ส่วนนายสมชายอยู่ระหว่างการตรวจสุขภาพนั้น ล่าสุดคนใกล้ชิดนายสมชายเปิดเผยว่า นายสมชายได้รับการประสานจากนายชวนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยินดีสนับสนุนแต่ขอรอดูความชัดเจนของคณะกรรมการสมานฉันท์ที่จะตั้งขึ้นก่อนว่ามีกรอบการทำงานอย่างไร และเห็นว่าคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นน่าจะต้องมีบุคคลจากหลายฝ่าย พท.ย้ำ “บิ๊กตู่” ไม่ออกยากแก้ไขที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศไม่เข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์นั้นเข้าใจได้ เพราะไม่มีอะไรยืนยันว่าจะไม่เป็นความพยายามซื้อเวลา หลายสถานการณ์ที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีความจริงใจแก้ปัญหา มีแต่ความพยายามสืบทอดอำนาจออกไปเรื่อยๆ ประชาชนยังไม่เห็นความจริงใจจากนายกฯ เห็นแต่ท่าทีแข็งกร้าวจากเครือข่ายแวดล้อมท่าน ที่แสดงจุดยืนต่อต้านคณะกรรมการสมานฉันท์อย่างสุดตัว แม้จะเป็นความพยายามของนายชวน หลีกภัย แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เอาด้วยก็ไปต่อลำบาก โดยเฉพาะการเชิญ พล.อ.สุรยุทธ์ แม้จะเชิญในฐานะอดีตนายกฯ แต่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ที่ไม่อยากให้นายชวนแก้ปัญหาได้สำเร็จ อาจพยายามชี้ว่าไม่ควรนำประธานองคมนตรีมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้นตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่ายไม่ออกไป ปัญหาจะถูกทับไว้ยากที่ใครจะเข้ามาแก้ไขแนะชุดสมานฉันท์วางกรอบให้ชัดน.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โมเดลคณะกรรมการสมานฉันท์ที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอมา 2 รูปแบบ มองว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ยังไม่มีความเป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 ฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้ง เพราะทั้งฝ่ายพรรคแกนนำรัฐบาล และฝ่ายผู้ชุมนุม ต่างออกมาปฏิเสธไม่เห็นด้วย ทำให้เป็นไปได้ยากที่จะสำเร็จ พรรคเพื่อไทยมีข้อเสนอที่จะทำให้คณะกรรมการสมานฉันท์ประสบความสำเร็จได้ ต้องกำหนดประเด็นหารือกรอบเวลาที่ชัดเจน และมีประเด็นที่นำไปสู่ข้อตกลงร่วมกันได้“เผ่าภูมิ” ชงบันได 4 ขั้นสู้ศึก ศก.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการและทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเสนอแผนรับมือทางด้านเศรษฐกิจไปยังรัฐบาล 4 ขั้น หากผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคือ นายโจ ไบเดน คือ 1.ต่อสู้กับค่าเงินบาทที่จะแข็งขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยควรขยับบทบาทเชิงรุกเรื่องนโยบายการเงิน 2.รีบชิงห่วงโซ่การผลิต โควิดทำให้ห่วงโซ่การผลิตโลกถูกจัดระเบียบใหม่ มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา รัฐบาลต้องชิงช่องว่างตรงนี้ 3.รีบแย่งดึงฐานการผลิต นโยบายนายโจ ไบเดน เรื่องขึ้นภาษีนิติบุคคล และขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ผลคือทุนและฐานการผลิตจะไหลจากสหรัฐฯสู่ประเทศเกิดใหม่ ต้องทำงานเชิงรุกวิ่งเข้าหาเจาะเป้าหมายและเร่งเจรจา และ 4.นายกฯต้องลาออก แก้รัฐธรรมนูญ การเอาชนะทางการค้าของสหรัฐฯจะเปลี่ยนรูปแบบไป เปลี่ยนเป็นการใช้เรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เสรีภาพ ซึ่งนี่คือจุดอ่อนที่สำคัญของไทย ทางแก้คือเราต้องเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง“บิ๊กตู่” ยกหูถกผู้นำเวียดนามเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หารือทางโทรศัพท์กับนายเหวียน ซวน ฟุก นายกฯสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 และการประชุมที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้าที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพแบบประชุมทางไกล โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวแสดงความเสียใจ พร้อมสนับสนุนเวียดนามฟื้นฟูความเสียหาย หลังประสบเหตุอุทกภัยและดินถล่ม จัดประชุมร่วมนายกฯและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-เวียดนาม (Joint Cabinet Retreat:JCR) ครั้งที่ 4 ในปีหน้า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงการประชุมความร่วมมือด้านพลังงาน Thailand Vietnam Energy Forum ครั้งที่ 2รบ.ชวนร่วมสวดมนต์ฝ่าวิกฤตินายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติและโรคระบาดต่อเนื่อง ผู้คนมีความขัดแย้งทางความคิด ประชาชนส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา ควรให้นำหลักธรรมไปเป็นกรอบแนวคิดดำรงชีวิตอย่างมีสติให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆไปได้ จึงมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ประสานกับจังหวัดต่างๆจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันเสาร์ไปจนถึงวันที่ 5 ธ.ค. วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันพ่อแห่งชาติ และวันชาติ เริ่มสวดเวลา10.00น. วันที่ 7 พ.ย.เป็นต้นไป ส่วนกลางจัดที่วัดบวรนิเวศวิหาร ส่วนภูมิภาคจัดในวัดที่เป็นศูนย์กลางของจังหวัดและอำเภอ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกันปลุก พศ.ร่วมปลูกฝังรักสถาบันต่อมานายอนุชากล่าวมอบนโยบายแก่ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่า การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ พศ.ต้องสามารถสร้างความตระหนักรู้ เผยแพร่ และปลูกฝังประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตระหนักรักในสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องส่งเสริมการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนที่ถูกต้อง ดีงาม ให้พุทธศาสนิกชนเข้าถึงแก่นแท้ในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า“หมอดูคฑา” แนะ “ลุงตู่” ไหว้พระวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคฑา ชินบัญชร อาชีพหมอดูเข้าสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล นายคฑากล่าวว่า มาร่วมประชุมกับคณะของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ผู้ช่วย รมต.ประจำนายกฯ ไม่ได้มาดูดวงให้ใครหรือสถานที่ใดเป็นพิเศษ สำหรับดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ปีนี้คนที่เกิดปีมะเมียจะเป็นตำบลกระสุนตก ตามหลักโหราศาสตร์ต้องปะทะชนอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องกังวลเพราะพ้นตรุษจีน 12 ก.พ.2564 ก็จะไปได้ ช่วงนี้ต้องระมัดระวังและหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ จะช่วยส่งผลให้จิตสงบ และไปรับพลังชีวิตดีดี โดยเฉพาะทิศเหนือ ทิศใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพลังบวกที่ดีไปรับรอยยิ้มเสียงหัวเราะ และไปกระจายความสุข“แบม” ให้ปากคำมัดตัวคนร้ายที่ สน.หัวหมาก นายนันทพงศ์ ปานมาศ สมาชิกกลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นำ น.ส.ฐิติมา บุตรดี หรือน้องแบม อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ม.รามคำแหง (มร.) ที่บาดเจ็บจากการถูกกลุ่มอาชีวะช่วยชาติบุกฝ่าแนวกั้นตำรวจเข้าทำร้ายทุ่มลำโพงใส่ ระหว่างชุมนุมใน มร. เมื่อวันที่ 21 ต.ค. เข้าพบ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หัวหมาก หัวหน้างานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม น.ส.ฐิติมากล่าวว่า ตนล้มลงเองบนฟุตปาทจริง แต่หลังจากขึ้นไปหลังรถอีกครั้งถูกดึงลงมาแล้วทุ่มลำโพงใส่จนเอ็นขาฉีกยัน 8–9 พ.ย.ไม่ก่อกวนม็อบเหลืองนายนันทพงศ์กล่าวว่า ได้นำผลตรวจร่างกายน้องแบมมามอบให้ตำรวจ พร้อมให้ปากคำเพิ่มเติม รวมถึงคลิปที่มีผู้นำสายไฟไปรัดคอชายวัยรุ่นฝั่งนักศึกษามาให้ ยังกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะฝ่ายตรงข้ามมาโวยวายตำรวจเรื่องแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ตำรวจให้ทำงานยากขึ้น เราต้องการ ให้ มร.ออกมาปกป้องศิษย์ของตัวเองบ้าง เหตุการณ์นี้จะเป็นบรรทัดฐานมหาวิทยาลัยต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย วันที่ 8-9 พ.ย. ฝ่ายตรงข้ามจะชุมนุมอีก ยืนยันจะไม่ไปก่อกวน แต่ขอให้เปิดพื้นที่ให้เราบ้างตำรวจการันตีหลักฐานครบด้าน พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.หัวหมาก กล่าวว่า หลังเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยแจ้งความถูกทำร้ายร่างกาย มีผู้เสียหาย 5 คน ถอนแจ้งความคดีทำให้เสียทรัพย์ไป 1 คน ส่วนอีก 4 คน แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเพิ่มเติม ให้ไปตรวจร่างกายนำใบรับรองแพทย์มาประกอบสำนวนอีกครั้ง ส่วนการออกหมายเรียกกลุ่มอาชีวะฯมารับทราบข้อกล่าวหานั้น เบื้องต้นมีทั้งหมด 11 คน มี 7 คนเข้ามาชี้แจงแล้ว ที่เหลือเลื่อนให้ปากคำเป็นวันที่ 11 พ.ย. ยืนยันว่ามีหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล รวมถึงคลิปกล้องวงจรปิดจากมหาวิทยาลัย หากผู้ต้องหาไม่มาเข้าพบ ต้องออกหมายจับ ยืนยันตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายไทยภักดีแจ้ง ปอท.จับ “ปวิน”ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายธนุ สุขบำเพิง ทนายความนำกลุ่มไทยภักดี เข้าพบ ร.ต.อ.หญิงณัฐชยา วงศ์รุจิไพโรจน์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. แจ้งความดำเนินคดีนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ดูแลกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสตลาดหลวง ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หลังโพสต์เฟซบุ๊กสร้างความแตกแยกในสังคม ประเด็นการเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์ นายธนุกล่าวว่า ข้อความของนายปวินช่วงวันที่ 13-28 ต.ค. รุนแรงมากทำให้ประชาชนเกิดความกระด้างกระเดื่องไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นความผิดอาญา มีคนเข้าไปแชร์นับพันคนโดยหลักผู้แชร์ต้องผิดด้วย แต่ร้องทุกกล่าวโทษเฉพาะนายปวินปลุกคนโคราชปกป้องสถาบันส่วนความเคลื่อนไหวมวลชนในต่างจังหวัด เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา กลุ่มคนโคราชปกป้องสถาบัน มีนายสุนทร สุวรรณชาติ เป็นแกนนำ พามวลชนใส่เสื้อเหลือง แสดงพลังปกป้องสถาบัน มีการสักการะท้าวสุรนารี โชว์ป้าย “ชาวตลาดสุรนครยุคใหม่ และพี่น้องประชาชน รวมพลังปกป้องเทิดทูน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” โบกธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ ชูพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกล่าวคำปฏิญาณ และอ่านแถลงการณ์เชิญชวนชาวนครราชสีมา ออกมาร่วมปกป้องสถาบันแสดงความจงรักภักดี ก่อนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ตะโกนทรงพระเจริญ 3 ครั้ง