การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 ทำให้หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้ทำงานแทนมนุษย์ เพื่อตอบสนองการเว้นระยะห่างทางกายภาพและการสัมผัสกับมนุษย์ให้น้อยที่สุด นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ่นยนต์ที่ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับมนุษย์หรือหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน ที่เรียกกันว่า "โคบอทส์" (Collaborative robots: Cobots) ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานด้านสาธารณสุขเริ่มต้นจากภารกิจจัดการด้านสุขอนามัยและการฆ่าเชื้อเมื่อเดือน เม.ย. 2563 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University : NTU) ในสิงคโปร์ได้เปิดตัว eXtremeDisinfection roBOT (XDBOT) ที่มาพร้อมหัวฉีดพ่นด้วยระบบไฟฟ้าสถิตและเคลื่อนที่ได้ โดยโคบอทส์ถูกตั้งโปรแกรมให้เลียนแบบการเคลื่อนไหวของมือมนุษย์ เพื่อให้สามารถเข้าไปยังบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น ใต้เตียงและใต้โต๊ะ สามารถทำความสะอาดได้อย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ต้องมีการสัมผัสของมนุษย์โดยตรงในบริเวณที่อาจเกิดการติดเชื้อ นอกจากนั้น ยังมีการเปิดตัวหุ่นยนต์ป้ายลำคอตัวแรกของโลก โดยเป็นการร่วมกันพัฒนาของบริษัท ยูนิเวอร์ซัล โรบอท ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเดนมาร์ก (University of Southern Denmark : SDU) หุ่นยนต์ติดตั้งปลายแขนกล ซึ่งออกแบบและสร้างขึ้นตามความต้องการใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ โคบอทส์รุ่นนี้ช่วยให้กระบวนการตรวจป้ายลำคอเสร็จสิ้นภายในเวลา 7 นาที และใช้เวลาเพียง 25 วินาทีในการล้างทำความสะอาดตัวเอง ด้านบริษัท เบรน เนวี่ ไบโอเทคโนโลยี (Brain Navi Bio technology) ประเทศไต้หวัน ได้พัฒนาหุ่นยนต์เก็บตัวอย่างอัตโนมัติด้วยวิธีการล้วงเข้าไปในโพรงจมูกตัวแรกของโลกโคบอทส์รุ่นนี้สามารถจดจำโครงสร้างใบหน้าของผู้ป่วยได้โดยอัตโนมัติ และยังสามารถระบุตำแหน่งของโพรงจมูก ถือไม้ป้ายโพรงจมูก (ลักษณะเหมือนไม้พันสำลีแบบยาว) โดยใช้มือหุ่นยนต์จับ แล้วแทงไม้ป้ายเข้าไปในช่องจมูกของผู้ป่วยโดยอัตโนมัติและค้างอยู่ประมาณ 10 ถึง 25 วินาที เพื่อเก็บรวบรวมตัวอย่างสารคัดหลั่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาดำเนินการเพียง 2-5 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้สามารถเก็บตัวอย่างได้เกือบ 100 คนภายในเวลา 8 ชั่วโมง กระบวนการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ จะมีก็เพียงแค่ขั้นตอนการตั้งค่าการสแกนตำแหน่งใบหน้าเริ่มต้นเท่านั้นที่จำเป็นต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ยืนอยู่หลังแผงป้องกัน โดยหุ่นยนต์ป้ายลำคอและโพรงจมูก จะช่วยปกป้องเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ด้วยลดการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการติดเชื้อ ณ จุดที่ทำการทดสอบนายเอสเบน ออสเตอร์การ์ด ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ยูนิเวอร์ซัล โรบอท กล่าวว่า โคบอทส์เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีสัดส่วน 3% ของการใช้จ่ายด้านหุ่นยนต์ทั่วโลกในปี 2561 แต่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงโควิด จึงคาดกันว่าภายในปี 2568 โคบอทส์จะก้าวไปสู่การเป็นสินค้ากระแสหลัก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 34% ของการใช้จ่ายด้านหุ่นยนต์ทั่วโลก.