การค้าขายบริเวณชายแดนภาคใต้ไทย-มาเลเซีย บริเวณ ด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็น “ยุคทอง” สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศชาติจำนวนมหาศาล ด่านบูกิตกายูอิตั้ม ด่านตรวจคนเข้าเมืองแห่งใหม่ของมาเลเซีย อยู่ตรงข้ามด่านสะเดาปัจจุบัน ที่ทางการมาเลเซียเปิดใช้งานแล้ว แต่ด่านใหม่ฝั่งไทยยังไม่เปิด.จนต้องมีการก่อสร้างด่านศุลกากรแห่งใหม่ขึ้นมาใหม่ ด้วยงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัว แต่จนถึงขณะนี้ด่านแห่งนี้ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เนื่องจากไม่มีทางเชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ร่วมประชุมเพื่อรับฟังปัญหาด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดใช้การได้.เมื่อวันก่อน พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา พร้อมด้วย พล.อ.ธวัธชัย สมุทรสาคร รองประธานฯ และคณะ โดยมี พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา นายกิตติชัย ธรรมศิริพงษ์ นายกสมาคมโลจิสติกส์และขนส่งภาคใต้ และ นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ อ.สะเดา จ.สงขลาเพื่อรับทราบข้อมูลการพัฒนาด่านสะเดาแห่งนี้และสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ที่มีปัญหาสะสมเรื่องสร้างเสร็จแต่ไม่มีทางเชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเซีย มีเพียงทางเชื่อมเล็กๆมายังด่านพรมแดนในปัจจุบันเท่านั้นที่ผ่านมาทางฝ่ายไทยได้มีการเจรจากับทางรัฐบาลมาเลเซียมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ โดยทางมาเลเซียอ้างว่าฝ่ายไทยก่อสร้างล่าช้ากว่าทางฝั่งมาเลเซีย ซึ่งเปิดใช้ไปแล้วเมื่อปี 61 ที่ผ่านมา นายอาทิตย์ วิสุทธสมาจาร นายด่านศุลกากรสะเดา.นายอาทิตย์ วิสุทธสมาจาร นายด่านศุลกากรสะเดา ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า ปัญหาด่านสะเดาแห่งใหม่สร้างเสร็จแต่ไร้ทางเชื่อมไปยังมาเลเซีย เป็นประเด็นที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลตลอดจนกรรมาธิการชุดต่างๆได้รับทราบข้อมูลแล้ว ทุกฝ่ายพร้อมใจกันแก้ปัญหา หาทางออกเพื่อให้ด่านสะเดาแห่งใหม่เปิดใช้ได้และให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดร.ไพโรจน์ ชัยจิระธิกุล ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน เข้าร่วมประชุมกับผู้เกี่ยวข้อง.คือการสร้างถนนเชื่อมต่อจากถนนกาญจนวณิช ที่บริเวณหน้าค่าย ตชด.ไปยังด่านสะเดาแห่งใหม่ ระยะทาง 1.2 กม. ขนาด 8 ช่องจราจร กว้าง 40 เมตร โดยใช้งบประมาณ 180 ล้านบาท ขั้นตอนอยู่ในระหว่างการรออนุมัติงบกลางของรัฐบาลหากสร้างถนนเส้นนี้เสร็จสามารถเปิดใช้ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ได้ทันที เพื่อให้รถขนส่งสินค้าใช้เส้นทางนี้วิ่งเข้าด่านใหม่ แล้วย้อนกลับเข้าสู่ประเทศมาเลเซียที่ด่านปัจจุบันไปพรางๆ ก่อน นายอำพล พงศ์สุวรรณ รอง ผวจ.สงขลา พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมาธิการการคมนาคม และ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ร่วมประชุมหารือแก้ปัญหาด่านสะเดา.ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานฝ่ายประเทศไทย มี นายอำพล พงศ์สุวรรณ รอง ผวจ.สงขลา เป็นประธาน พร้อมด้วย นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผอ.ศภ.4 นายอาทิตย์ วิสุทธสมาจาร นายด่านศุลกากรสะเดาและคณะทำงานด้านเทคนิคชี้จุดพิกัดเชื่อมต่อด่านศุลกากรสะเดาคณะทำงานได้เจรจาร่วมกับ นางสิติ ไฮจาร์ อัดนิน ผอ.งานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย และคณะ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา เยี่ยมชมด่านสะเดาแห่งใหม่ ที่ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 2 พันล้านบาท แต่ยังเปิดใช้ไม่ได้.ได้บรรลุข้อตกลง คือ ทางมาเลเซียยอมตัดเส้นทางเชื่อมต่อด่านสะเดาแห่งใหม่ โดยรถที่ออกมาเลเซียเบี่ยงขวาก่อนถึงด่านปัจจุบัน 50 เมตร ไปเข้าสู่ประเทศไทยที่ด่านขาออกทางทิศตะวันออกห่างด่านปัจจุบันและด่านใหม่ 500 เมตร ซึ่งกรรมาธิการการคมนาคมรับทราบพร้อมนำเสนอไปยังรัฐบาล ก่อนยกคณะทั้งหมดไปดูด่านปาดังเบซาร์ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา.ด้าน พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา ยังได้เปิดวิสัยทัศน์ต่อกรรมาธิการถึงนโยบายพัฒนาขนส่งระบบรางที่ต้องดำเนินการใน จ.สงขลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าโดยขอการสนับสนุนจากรัฐบาลเร่งสร้างรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง 1. ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ 2. หาดใหญ่-ควนมีด-นาทับ (ท่าเรือสงขลาแห่งใหม่) 3.ควนมีด-สุไหงโก-ลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการปรับปรุงการขนส่งรถไฟรางคู่ภาคใต้สู่อาเซียนรวมทั้งพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ทันสมัย สร้างรถไฟฟ้ารางเบาเส้นทางด่านนอก-สะเดา-คอหงส์-เมืองสงขลา และรถไฟโมโนเรล รอบพื้นที่ธุรกิจหาดใหญ่จากบ้านพรุ-เทศบาลนครหาดใหญ่-สนามบินหาดใหญ่ ซึ่งรถไฟฟ้ารางเบาและโมโนเรลนี้สร้างขึ้นมาเพื่อส่งเสริม จ.สงขลาให้ทันสมัยกับการเป็นเมืองธุรกิจอันดับหนึ่งของภาคใต้อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สงขลา เมืองมรดกโลก และพัฒนาเส้นทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ตามถนนไทรบุรีที่ชาว จ.สงขลาได้ร่วมบุกเบิกในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยจะมีการศึกษาความเป็นไปได้และหาผู้ลงทุนร่วม (PPP) กับภาครัฐและเอกชนกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาทั้งหมดนี้คือความพยายามของภาครัฐและเอกชนที่ต้องการผลักดันให้การค้าบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ซึ่งจะเกิดผลดีกับภาคการท่องเที่ยวด้วยหลังโควิด-19 ผ่านไป เชื่อว่าเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวต่างๆใน จ.สงขลา จะกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน.สุวิทย์ แก้วห่อทอง