(ภาพ) ดร.สุเมธ ตันติเวชกุลผมได้รับเอกสารสารคดีเชิงข่าวจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับหนึ่ง อ่านแล้วก็รู้สึกปีติตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นล้นพ้นสารคดีเชิงข่าวเรื่อง “20 ปีอาคารสมอง” น่ะครับ 1 ในพระราชดำรัสของพระพันปีหลวง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2543 ซึ่งต่อมารัฐบาลได้สนองพระราชดำรัสดังกล่าวมอบหมายให้ สภาพัฒน์ เป็นแกนกลางในการจัดตั้ง “ธนาคารสมอง” ขึ้น และได้ดำเนินการติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันท่านผู้อ่านคงจำได้ว่า วันที่ 11 สิงหาคม หรือวันนี้ในอดีต เป็นวันที่พวกเราชาวไทยรอคอยอย่างใจจดใจจ่อไม่ว่าจะออกไปทำภารกิจในเรื่องใด หรือแม้แต่จะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจก็ดี จะต้องรีบกลับบ้านก่อนเวลา 20.00 นาฬิกา เพื่อที่จะมานั่งชมโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน พระราชทานแก่ตัวแทนของพสกนิกรจำนวนหนึ่งที่เข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม หรือวันรุ่งขึ้นนอกจากจะทรงเล่าถึงพระราชกรณีกิจตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ว่าได้ตามเสด็จในหลวง รัชกาลที่ 9 ไปเยี่ยมเยียนราษฎรทั่วราชอาณาจักรแล้ว ก็จะทรงเล่าถึงโครงการพระราชดำริส่วนพระองค์ เช่น โครงการศิลปาชีพ และโครงการอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย รวมทั้งโครงการปลูกป่าและอนุรักษ์ป่าต้นนํ้าลำธาร ฯลฯ เป็นต้นสำหรับโครงการ “ธนาคารสมอง” นั้น พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2543 แสดงถึงพระราชวิสัยทัศน์เกี่ยวกับผู้สูงอายุ ที่ประเทศไทยเริ่มมีขึ้นบ้างแล้วในห้วงเวลาดังกล่าวทรงกล่าวถึงผู้เกษียณ เมื่ออายุครบ 60 ปี โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้น จึงควรที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของผู้เกษียณอายุออกมาใช้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวมต่อไปทรงเปรียบเทียบ ความรู้ความสามารถของผู้เกษียณอายุของประเทศว่า เปรียบเสมือน “เบรนแบงก์” หรือ “ธนาคารสมอง” นั่นเองต่อมาในวันที่ 15 สิงหาคม 2543 คณะรัฐมนตรีก็มีมติมอบหมายให้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปดำเนินการ เพื่อให้โครงการธนาคารสมองเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจังซึ่งสภาพัฒน์ก็ได้จัดตั้ง หน่วยทะเบียนกลาง ธนาคารสมอง ขึ้น ในเบื้องต้นเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล จัดทำบัญชี หรือทำเนียบผู้ทรง คุณวุฒิสาขาต่างๆ รวมทั้งประกาศเชิญชวนผู้ทรงคุณวุฒิ ให้มาเป็น “วุฒิอาสา” เพื่อร่วมทำงานพัฒนาประเทศตามพระราชประสงค์จากวันที่มีพระราชดำรัสมาจนถึงวันนี้ ได้มี วุฒิอาสา ที่สมัครเข้าสู่ธนาคารสมอง และได้นำความรู้ความสามารถ ตลอดจนประสบการณ์ไปแนะนำ ให้การปรึกษาหารือ หรือแม้แต่ร่วมปฏิบัติเองในบางเรื่องเป็นจำนวนถึง 5,289 ท่าน จำแนกออกเป็นสาขาความรู้ความเชี่ยวชาญรวมทั้งสิ้น 21 ด้าน ดำเนินการทั่วทุกภาคของประเทศสำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สมัครมาเป็นวุฒิอาสา ก็เช่น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล, ศ.เกียรติคุณ นายแพทย์มนตรี ตู้จินดา, ศ.เกียรติคุณ แพทย์หญิง ชนิกา ตู้จินดา, นายปราโมทย์ ไม้กลัด, นายอรุณ งามดี และ ศ.กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล เป็นต้นเอกสารของสภาพัฒน์สรุปในที่สุดว่า โครงการธนาคารสมอง จะยังคงดำเนินต่อไป และผู้เกษียณอายุไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน รัฐบาล หรือภาคเอกชน ตลอดจนผู้ทรงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ประสงค์จะเข้าร่วมเป็นวุฒิอาสา รวมทั้งองค์กรใดก็ตาม ชุมชนใดก็ตาม เครือข่ายพัฒนาใดๆก็ตาม ที่ประสงค์จะได้รับบริการจากวุฒิอาสาสามารถติดต่อได้ที่ กองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โทร.0-2280-4085 ต่อ 3507, 3512-13 หรืออีเมล brainbank@nesdc.go.th ตั้งแต่บัดนี้นี่คือ 1 ในโครงการอันทรงคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างยิ่งที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานไว้ และยังดำเนินอยู่อย่างเข้มแข็ง แม้เวลาจะผ่านไปถึง 20 ปีแล้วก็ตาม.“ซูม”