“บิ๊กตู่” ยันพร้อมรับฟังทุกกลุ่ม ขอบคุณทุกความเห็นสื่อสิ่งพิมพ์ จ่อคิวเปิดเวทีรับฟังประชาชนและ ส.ส. กำชับทุกกระทรวงระมัด ระวังใช้งบฯเงินกู้ถูกสังคมจับตาเข้ม “บิ๊กป้อม” ประชุม ส.ส.ถกโควตารัฐมนตรี วางทิศทางการเมือง ย้ำ พปชร.ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจทำแล้วเลิก โบ้ยปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกฯหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินสายพบปะหารือกับสื่อมวลชนสำนักพิมพ์ต่างๆ เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ล่าสุดนายกฯระบุเตรียมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านช่องทางต่างๆต่อไป รวมถึงจะได้รับฟังเสียงสะท้อนจาก ส.ส.ตัวแทนของประชาชนด้วย “บิ๊กตู่” ให้นำข้อคิดอาขยานใช้ชีวิตจริงเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำคณะนักเรียนและเยาวชน ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น มีความสามารถด้านการพูด อ่าน เขียน พ.ศ. 2563 เข้าพบนายกฯเพื่อรณรงค์งานวันภาษาไทยแห่งชาติ ประจำปี 63 จัดขึ้นที่กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 24 ก.ค. โดยนายกฯชมวีดิทัศน์ส่งเสริมการใช้ภาษาไทย นำแสดงโดย ด.ญ.เรไร เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “เรไรรายวัน” โดยชื่นชมและแนะว่าการเขียนหนังสือจดบันทึก ช่วยฝึกคัดลายมือและใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง แล้วยังถ่ายทอดความคิดเห็นผ่านตัวอักษร สะท้อนความเป็นตัวเราอีกด้วย จากนั้นฟังการขับร้องบทอาขยาน “เด็กน้อย” พร้อมแนะให้นำข้อคิดจากบทอาขยานไปปฏิบัติในชีวิตจริง อาทิ ความพากเพียร ความขยัน โดยได้รับมอบหนังสือบทละครเรื่องอิเหนาด้วยขอบคุณทุกความเห็นสื่อสิ่งพิมพ์ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ว่า จากที่ได้ไปพบปะกับสื่อทุกสำนักพิมพ์ ได้รับฟังข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มากมายหลายประการ สิ่งใดที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ก็จะรีบดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ตรงกับความต้องการของประชาชน สื่อเป็นตัวกลางสร้างความเข้าใจอันดีและถูกต้องให้กับประชาชนให้ได้รับทราบว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ หลายเรื่องมีความก้าวหน้า ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเลย ขอขอบคุณบรรดาสื่อ เจ้าของสื่อและสำนักพิมพ์ทุกคน ทั้งคอลัมนิสต์ต่างๆได้มีโอกาสพบกับพวกท่านหลายคนจากทุกสำนักพิมพ์ ยืนยันว่านายกฯไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งคิดทั้งเขียนต่างๆ มาโดยตลอด ติดตามประเมินผล และวันนี้สั่งการให้ประเมินผลข้าราชการให้ดีด้วย ทุกคนต้องทำงานให้เต็มที่ ขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ให้สมกับคำว่าเป็นข้าราชการของประชาชน เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้เร่งแผนการจ้างงาน ทั้งนิสิต นักศึกษา ลงพื้นที่ และจะพิจารณางบฯกองทุนหมู่บ้านลงเป็นระยะๆ ขอให้เตรียมโครงการที่มีประโยชน์กำชับทุกกระทรวงระวังการใช้งบเงินกู้เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ครม.ว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนายกฯได้แจ้งที่ประชุมให้ทราบถึงการเข้าพบของ ผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกาว่าได้หารือถึงความสัมพันธ์และการลงนามในร่างเอกสารร่วมกันระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ฝากทูตสหรัฐฯ เรื่องความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ฝากเชิญชวนนักลงทุนสหรัฐฯ ให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และมีข่าวดีที่รัฐบาลได้รับการจัดอันดับจากองค์การสหประชาชาติ เรื่องรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ปีนี้ได้ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 57 เพิ่มขึ้น 6 อันดับจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วอยู่ที่ 73 ปี สะท้อนความสำเร็จยุทธศาสตร์ชาติด้านที่ 6 นายกฯยังฝากทุกกระทรวงให้เน้นแผนยุทธศาสตร์ชาติ หลังจากไปพบสื่อมวลชนด้านสิ่งพิมพ์สะท้อนให้เห็นว่าแผนยุทธศาสตร์ยังต้องทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนว่ายุทธศาสตร์ชาติมีอะไรบ้าง และฝากทุกกระทรวงพัฒนาแผนงานให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติด้วย แผนงานต้องยึดโยงกันพร้อมกำชับทุกกระทรวงระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายงบฯ โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูใน พ.ร.ก.กู้เงินถูกจับตามองจากทุกฝ่าย ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด จ่อเปิดเวทีรับฟังเสียง ปชช. และ ส.ส.นางนฤมลกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการประเมินผลข้าราชการ เช่น ก.พ.ร.น่าจะมีการพิจารณาประเมินผลแยกกัน สำหรับข้าราชการแต่ละประเภทในมิติต่างๆไม่ว่าผลงาน วิสัยทัศน์ ทัศนคติ ต้องมีเกณฑ์แตกต่างกันออกไป ที่นายกฯเน้นย้ำกับ ครม.คือการรับฟังความคิดเห็น นายกฯย้ำว่าพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่เฉพาะภาคเอกชนหรือภาคเศรษฐกิจ ยังไปรับฟังจากสื่อมวลชนและจะเปิดเวทีรับฟังจากประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ต่อไป รวมถึงรับฟังเสียงสะท้อนจาก ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชนด้วยเยี่ยมคนศรีสะเกษปลูกทุเรียนภูเขาไฟนางนฤมลกล่าวอีกว่า นายกฯมีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ วันที่ 16 ก.ค.เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคการเกษตรให้ดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยในปัจจุบันได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งติดตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในสถานศึกษาที่ใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบนิวนอร์มอล ช่วงเช้าไปเยี่ยมชมวิถีเกษตรแบบครบวงจร ณ สวนทุเรียนทับทิม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมมอบประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญหา เรื่องการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (หอมแดงศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ) ให้แก่ตัวแทนเกษตรกร รับฟังข้อเสนอจากกลุ่มคนรุ่นใหม่กันทรลักษ์ YSF (Young Smart Farmer) และกลุ่ม YEC (Young Enterpreneur chamber of commerce) พัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจการบริหารจัดการเกษตรแบบครบวงจรอย่างยั่งยืน ช่วงบ่ายนายกฯตรวจเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านหนองใหญ่ เยี่ยมชมวิถีโครงการพลังบวร (บ้าน-วัด-โรงเรียน) ณ วัดสำโรงเกียรติ อำเภอขุนหาญ สักการะหลวงพ่อตาตน พระพุทธรูปปางสมาธิสะดุ้ง–มารแบบขอม และนมัสการเจ้าอาวาส วัดสำโรงเกียรติ (พระอธิการอุทัย มหาปุญโญ) โดยจะปลูกต้นทุเรียนภูเขาไฟ ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดมท.2 แย้ม ธ.ค.เป็นไปได้เลือกตั้งท้องถิ่นที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช. มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า คาดว่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น 1 ประเภทก่อนภายในสิ้นปีนี้แน่นอน และยังไม่ได้หารือกันว่าจะเป็นการเลือกตั้งประเภทใดก่อน ต้องรอความพร้อมในการประสานงานกัน ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยต้องหารือกับ กกต. จากนั้น กกต.จะกำหนดวันเลือกตั้ง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ขอให้รอเรื่องการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาให้เรียบร้อยก่อน เมื่อประกาศแบ่งเขตชัดเจนแล้วทุกฝ่ายจะได้เตรียมตัวได้คนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งจะได้รู้ว่ามีพื้นที่ใดบ้าง กี่ตำบล กี่อำเภอ ถือเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลระบุการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นในวันที่ 13 ธ.ค.นายนิพนธ์กล่าวว่า คิดว่าเดือน ธ.ค.มีความเป็นไปได้ แต่วันที่ไม่ยืนยันว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ “บิ๊กป้อม” ย้ำ พปชร.ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจเมื่อเวลา 15.00 น. ที่อาคารรัชดาวัน ศูนย์ประชุมพรรคพลังประชารัฐ ถนนรัชดาภิเษก มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม มีแกนนำและรัฐมนตรีร่วมพร้อมเพรียง โดยได้หารือถึงประเด็นทางการเมือง เช่น ทิศทางของพรรคหลังกลุ่ม 4 กุมารลาออกจากสมาชิกพรรค และสัดส่วนคณะรัฐมนตรีของพรรค เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเคยให้สัมภาษณ์ว่าต้องฟังความเห็นจากพรรคเป็นหลักต่อมาเวลา 16.30 น. เป็นการประชุม ส.ส.ของพรรค โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวกับ ส.ส.ในที่ประชุมพรรคว่า เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจทำแล้วเลิก เราต้องการทำงานการเมืองเข้มแข็ง ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง เชื่อว่าหากทุกคนร่วมมือกันทำงาน จะสามารถทำให้พรรคเข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียว นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติส่งนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก เป็นผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม เขต 5 สมุทรปราการปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกฯจากนั้นเวลา 17.00 น. พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า วันนี้หารือกันปกติ ให้ทุกคนในพรรครักสามัคคีกลมเกลียวกัน ให้ ทำการเมืองเข้มแข็ง ประเทศชาติเข้มแข็ง ประชาชนอยู่ดีกินดี เมื่อถามว่าได้หารือการปรับ ครม.ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องการปรับ ครม. เป็นเรื่องของนายกฯ “สุทิน” ซัดเทวดาก็แก้ไม่ได้ต้องเปลี่ยนผู้นำที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า หากจะปรับ ครม.ให้ปรับที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนเดียว เศรษฐกิจ 5 ปีที่ผ่านมาชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว อย่าไปโทษการระบาดเชื้อโควิด-19 ก่อนโควิดระบาดรู้อยู่แล้วว่าเศรษฐกิจแย่ลงเรื่อยๆ เหตุที่ต้องเปลี่ยนนายกฯ เพราะไม่มีใครเชื่อมั่นฝีมือ จึงไม่มีใครกล้ามาลงทุน เมื่อตัวนายกรัฐมนตรีไม่ได้รับความเชื่อมั่นแล้ว การจะไปหารัฐมนตรีมาร่วมทีมช่วยเรื่องเศรษฐกิจจึงหายาก เข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังลำบากในการหาคนมาร่วมทีมเศรษฐกิจพอสมควร เพราะเป็นที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจแบบนี้ นายกฯแบบนี้ต่อให้เทวดามาเป็นทีมเศรษฐกิจก็ไม่มีทางฟื้นได้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ลาออก ขอแนะนำว่าทีมเศรษฐกิจควรเอาคนที่ทำมาหากินเป็น หาเงินและลงทุนเป็นมาทำหน้าที่ดีกว่าใช้นักธนาคาร นักเศรษฐ-ศาสตร์ ขอให้เอานักบริหารเศรษฐกิจที่สามารถกระจายรายได้ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในวันนี้ เนื่องจากทุกครั้งมาจะเอาคนมาปั่นตัวเลขจีดีพีให้โต ประเทศไทยเป็นแบบนี้มาตลอด แต่ทุกครั้งที่จีดีพีโต ความเหลื่อมล้ำต่างกันมาก เพราะไม่เก่งในเรื่องการกระจายรายได้ผวา รบ.ใช้ข้างมากยึด กมธ.ป.ป.ช.นายสุทินกล่าวว่า ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลจะเสนอวาระถอดถอน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ออกจากตำแหน่งประธาน กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาฯ ต้องหารือกันถึงระเบียบข้อบังคับและจารีตประเพณี ถือเป็นเรื่องใหญ่ครั้งแรก และกระทบต่อระบบถ่วงดุลตรวจสอบ ทำให้ต่อจากนี้คนที่เป็นประธาน กมธ.จะไม่มีความมั่นใจสถานะตัวเอง หากเสียงข้างมากคุกคามได้แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามเพิ่มสัดส่วน กมธ.ป.ป.ช.จากฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลเป็นเสียงข้างมากใน กมธ. ทำให้การตรวจสอบรัฐบาลไม่สามารถทำได้ ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย เชื่อว่าสังคมไม่น่าจะรับได้ ที่ผ่านมาเคยหารือกับประธานและรองประธานสภาฯแล้วว่าหากให้ทำได้ ต่อไปจะเป็นการเปลี่ยนแปลงจารีตครั้งใหญ่ ถ้ารัฐบาลจะเอาเสียงข้างมากจะยึดได้หมดทุกคณะ ทำให้การตรวจสอบไม่มี กมธ.จะไม่มีความหมายรวมรายชื่อยื่นศาล รธน. “ฐิติภัสร์” พ้น ส.ส.เมื่อเวลา 13.00 น.นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัสและอดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง แถลงว่า ได้เข้ายื่น หนังสือต่อ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ ส.ส.จำนวน 60 คน ร่วมลงนามเพื่อส่งคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านประธานสภาฯให้วินิจฉัยว่า น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ ส.ส.เขตบางกะปิ วังทองหลาง สิ้นสุดสมาชิกภาพของการเป็น ส.ส. ตามความในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 185 (1) (2) และมาตรา 101 (7) หรือไม่ เนื่องจากพบว่า น.ส.ฐิติภัสร์ ได้ใช้สถานะหรือตำแหน่งทางการเมืองเข้าแทรกแซงการประชุมของการเคหะแห่งชาติและการประชุมของภาครัฐหลายครั้ง และได้ปฏิบัติคล้ายกับเป็นประธานการประชุม ทั้งที่ไม่ใช่อำนาจของ ส.ส. และยังได้แจกใบปลิวสื่อของตนเองในที่ประชุมของการเคหะแห่งชาติอีกด้วย มีหลักฐานระบุชี้ชัดเจนว่าพฤติกรรมเกิดขึ้นเมื่อไหร่ มีความผิดอย่างไร และชัดเจนว่าอาจเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญคู่กรณีขู่ฟ้องกลับตอกอยากดังเมื่อเวลา 15.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณีดังกล่าวว่า ขอยืนยันในฐานะ ส.ส.ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไม่เคยเข้าไปแทรกแซง ตั้งแต่รับหน้าที่ทำทุกอย่างบนพื้นฐานความถูกต้อง ทุกครั้งที่เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานต่างๆ จะได้หนังสือรับเชิญทุกครั้ง ขอเรียนไปยังผู้ร้องว่าการเมืองสมัยใหม่ควรทำอย่างสร้างสรรค์ ต้องช่วยกันทำหน้าที่ตรวจสอบและทำประโยชน์ให้ประชาชน ไม่ใช่เตะตัดขา ถ้านายตรีรัตน์ยังมีพฤติกรรมแบบนี้จะฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท เพราะช่วงหลังเลือกตั้งใหม่ๆเคยร้องตนเองมาแล้วครั้งหนึ่ง หากพฤติกรรมไม่ปรับเปลี่ยน จะฟ้องดำเนินคดีแน่นอน สาเหตุที่นายตรีรัตน์ออกมาฟ้องช่วงนี้คงอยากดัง“คำนูณ” ชงนายกฯปัดฝุ่น ก.ม.นิรโทษกรรมอีกเรื่อง เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ปี 2562 พร้อมรายงานของคณะกรรมาธิการติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศและการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายว่า แผนแม่บท ความมั่นคง เมื่อการเมืองมีปัญหา ขาดเสถียรภาพ ความสงบในประเทศย่อมไม่ยั่งยืนตามไปด้วย การปฏิบัติให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์ชาติย่อมไม่สำเร็จ ขอเสนอการสร้างความปรองดองว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งตรากฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนจากความผิดที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองช่วง 15 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2548-2563 ความ ขัดแย้งทำให้สังคมแยกเป็น 2 ขั้ว และแยกย่อยมากขึ้นทุกที ร้าวลึกถึงระดับครอบครัว มีผู้มีคดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรมนับร้อยคน เชื่อมโยงไปถึงมวลชนอีกนับล้านๆคน ที่เมื่อมีคดีตัดสินออกมาจะเกิดวิวาทะทางออนไลน์ นายกฯจะรวมไทยสร้างชาติได้อย่างไร เมื่อคนกลุ่มหนึ่งถูกทิ้งให้ขึ้นศาลทุกสัปดาห์ จะไปต่างประเทศต้องรายงานต่อศาล หลายคนถูกยึดทรัพย์ การนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยสงครามคอมมิวนิสต์ยังจบได้ด้วยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ด้วยการนิรโทษกรรมให้อภัย เปิดโอกาสให้พลังทุกภาคส่วนมาร่วมพัฒนาชาติไทยคนหนีคดีต้องเข้ากระบวนการ ยธ.ก่อนนายคำนูณกล่าวว่า ถึงเวลาต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม การทำผิดของคนที่มาชุมนุมการเมืองหรือทำผิดทางอาญาที่มีเหตุเกี่ยวเนื่องชุมนุมทางการเมืองนั้น ไม่ใช่มีจิตเป็นอาชญากรโดยแท้ แต่ต้องการ สังคมที่ดีกว่า ต้องการการเมืองใหม่ การปฏิรูปประเทศ การกระทำทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำผิดกฎหมาย จึงต้องนิรโทษกรรมประชาชนทุกกลุ่ม นายกฯอย่าลังเล ส่วนคำถามที่ว่าคนหนีคดีจะทำอย่างไรนั้น ในหลักการ อธิบายรายละเอียดได้ อาทิ 1.นิรโทษกรรมแก่ ผู้ทำผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมการเมืองโดยตรง 2.นิรโทษกรรมเบื้องต้นเฉพาะผู้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว 3.ใครยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือหนีคดีไป ถ้ากลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเมื่อผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาที่จะออกแบบตั้งขึ้นมา ย่อมได้สิทธินี้ 4.อาจต้องตีความนิยามการชุมนุมทางการเมือง ผ่านการออกแบบจากคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นมาเชียร์นายกฯสร้างบารมีชงเข้ารัฐสภา“อยากให้นายกฯแสดงเจตจำนงนำเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ที่อาจเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 รัฐธรรมนูญปี 2560 จะต้องนำไปพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา จะเป็นการสร้างบารมีให้นายกฯ เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคง มีธรรมาภิบาล ถ้านายกฯรวมใจคนทุกภาคส่วนเข้ามา โดยมีร่างนิรโทษกรรมเป็นก้าวแรกก็จะก้าวต่อไปได้ ขอฝากความหวัง นำจิตสำนึกผู้รักชาติทุกคน ทุกสี ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอด 15 ปี เพื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง” นายคำนูณกล่าว “บิ๊กตู่” ยกหูคุย “สี จิ้นผิง” 45 ปี ไทย-จีนเมื่อเวลา 16.40 น. ที่ห้องโดมทอง ชั้น 2 ตึก ไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม หารือทางโทรศัพท์กับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายสี จิ้นผิง กล่าวคำถวายพระพรพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค. ก่อนหารือ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีต่อความสัมพันธ์ที่แนบแน่นช่วยเหลือเกื้อกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยืนยันร่วมมือพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน จีนพร้อมสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และแลกเปลี่ยนประสบการณ์รับมือโควิด พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ร่วมพัฒนาวัคซีน นายกฯเชิญชวนนักลงทุนจีนพิจารณาร่วมลงทุนในไทย และขอให้จีนพิจารณารับซื้อผลิตผลทางการเกษตรให้มากขึ้น