วันนี้ยอดผักกูดอวบอ่อนหากินได้ตลอดปี...ไม่ต้องรอช่วงฤดูฝนอีกต่อไปด้วยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยสถานีวิจัยลำตะคอง จ.นครราชสีมา ได้ศึกษาสร้างสภาพแวดล้อมอุณหภูมิพื้นที่ปลูก ให้ผักกูดออกยอดตลอดทั้งปี แล้วส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกสร้างอาชีพมีรายได้จากการเก็บยอดขาย “ผักกูดที่ยอดอวบอ้วน ส่วนใหญ่จะพบใกล้ริมน้ำ แสงแดดส่องรำไร อุณหภูมิไม่ร้อนมาก ฉะนั้นการปลูกผักกูดให้ขายได้ราคา มียอดเก็บตลอดทั้งปี สิ่งสำคัญสุดต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต สภาพโครงสร้างดินอุ้มน้ำแต่ไม่ท่วมขัง พื้นที่โดยรอบแสงแดดส่องรำไร เป็นการสร้างพื้นที่ปลูกเลียนแบบธรรมชาติ”นายมนตรี แก้วดวง ผู้อำนวยการสถานีวิจัยลำตะคอง วว. เผยว่า การปลูกผักกูดให้ได้ผลผลิตที่ดีต้องปลูกในสภาพแสงแดดรำไรและมีความชื้นสูง หากเราจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต สามารถปลูกได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย รูปแบบการปลูก ทำได้ 2 รูปแบบวิธีแรกปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่น อาทิ กล้วย เพราะรากกล้วยช่วยเก็บความชื้นให้กับดิน ใบช่วยพรางแสงแดด หรือปลูกในพื้นที่ว่างระหว่างไม้ผล ซึ่งจะช่วยพรางแสง กรองความร้อนได้ดี พร้อมเสริมระบบสปริงเกอร์เพิ่มความชุ่มชื้นวิธีที่สองปลูกภายใต้ร่มเงาตาข่ายพรางแสงหรือสแลนที่สามารถพรางแสงได้ตั้งแต่ 50-60% ระยะปลูกที่ใช้ระหว่างแถวและระหว่างต้น 50 ซม. การดูแลรักษาเน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก ประมาณต้นละ 1-2 กก. ทุก 3 เดือน ร่วมกับการพ่นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำเดือนละ 1-2 ครั้ง การใช้วิธีพรางแสงด้วยสแลน นายมนตรี บอกว่า จะได้ยอดผักกูดที่อวบอ้วน และช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำ เพราะสแลนสามารถกักน้ำไม่ให้ระเหยไปในอากาศได้ดี หลังปลูกผักกูด 8 เดือน (240 วัน) จะเริ่มเก็บผลผลิตได้เก็บส่วนยอดความยาว 25–30 ซม. สามารถเก็บยอดได้ตลอดทั้งปี พื้นที่ 1 ไร่ จะได้ยอดผักกูด 200 กก. ขายได้ในราคา กก.ละ 30–50 บาท. เพ็ญพิชญา เตียว