คำถามที่ว่าในช่วงนี้คนไทยเสียชีวิตจากโควิดกับฆ่าตัวตายอย่างไหนมากกว่ากัน ไม่ใช่แค่พูดกันเล่นๆ หรือ ถากถาง แต่เป็นเรื่องจริง และเกือบจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมแห่งชีวิตของหญิงวัย 59 ปีคนหนึ่ง ซึ่งไปยืนร้องไห้ที่หน้าประตูกระทรวงการคลังพร้อมทั้งร้องตะโกน “ไม่มีใครสนใจกูเลย” ก่อนที่จะหยิบยาฆ่าหนูมากินเพื่อฆ่าตัวตายแต่เคราะห์ดีที่ถูกส่งโรงพยาบาลทันเวลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน หญิงคนดังกล่าวเคยเป็นลูกจ้างทำความสะอาดบ้าน และถูกเลิกจ้างหลังการแพร่ของโควิด จึงลงทะเบียนขอค่าเยียวยาจากรัฐ เดือนละ 5 พันบาท ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม อยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ยังไม่รู้ว่าจะได้รับเงินในวันที่ 29 เม.ย.เหตุที่ล่าช้าเกือบเดือนแล้วยังไม่รู้ผล อาจมีสาเหตุปัจจัยหลายอย่าง เริ่มต้นด้วยระบบข้อมูลของรัฐบาลที่ตั้งเป้าเยียวยาลูกจ้างและอาชีพอิสระ 3 ล้านคน คนละ 5 พันบาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน แต่มีผู้ลงทะเบียนขอความช่วยเหลือพุ่งขึ้นถึง 28.8 ล้านคน รัฐจึงขยายสิทธิ์เป็น 9 ล้าน และในที่สุดพุ่งเป็น 14 ล้านถ้ายึดตามข้อมูลของรัฐจะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโควิดไม่รู้กี่สิบล้านคนที่ตกสำรวจ ผลการศึกษาของ 7 คณาจารย์มหาวิทยาลัยดังจากทั่วประเทศพบว่า มีคนจนในเมืองมีรายได้ลดลงจากรายได้เฉลี่ยเดือนละ 13,397 บาท เหลือเพียง 3,906 บาท และกว่า 79% ไม่สามารถ “ทำงานที่บ้าน” ตามนโยบายรัฐได้ ถ้าอยู่บ้าน ต้องตกงานแน่ๆส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสกับการฆ่าตัวตาย นักวิจัยสำรวจจากรายงานข่าวสื่อมวลชน ระหว่างวันที่ 1 ถึง 21 เมษายน พบว่า มีการฆ่าตัวตาย 38 ราย เท่ากับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในช่วงเดียวกัน แต่เคราะห์ดีที่ผู้ฆ่าตัวตายเสียชีวิตจริงเพียง 28 คน ผู้ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่อายุเฉลี่ยแค่ 40 ปี ทำไมจึงคิดสั้นคณาจารย์ผู้ทำการวิจัยเรียกร้องรัฐบาลให้ตระหนักให้มากกว่านี้ ว่าการฆ่าตัวตายของประชาชนเป็นผลจากมาตรการของรัฐบาลที่ควบคุมโรคอย่างเข้มงวด แต่ไม่เยียวยาอย่างทันท่วงที อัตวินิบาตกรรมอันเป็นโศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นในยุค พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรีและข้าราชการ ส่วนนักการเมืองเป็นผู้สาบสูญนักการเมืองมีทั้งคนดีน้อยดีมาก เช่นเดียวกับคนกลุ่มอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งนักการเมืองทำได้ดีกว่าข้าราชการคือ การเข้าใจและถึงประชาชน รับฟังปัญหาด้วยความเห็นอกเห็นใจ เพราะมาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลนอกจากจะไม่เปิดประชุมวิสามัญแล้ว ยังยืดอายุ พ.ร.ก.ออกไปอีก แต่หวังว่าจะยังไม่ถึงกับยึดติด พ.ร.ก. เหมือนกับที่จังหวัดชายแดนภาคใต้.