ปัญหาทั้งหลายที่เกิดจากการแจกเงิน 5 พันบาท ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารบ้านเมืองหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบข้อมูลที่ค่อนข้างมั่ว ระบบการประกันสังคมที่ไม่ทั่วถึง และแม้รัฐบาลจะอ้างว่ามียุทธศาสตร์ 20 ปี ในการบริหารประเทศ แต่มักจะแก้ปัญหาไปวันๆพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอโทษประชาชนที่แจกเงินไม่ทั่วถึง และยอมรับว่าขณะนี้อาจแจกได้แค่เดือนเดียว ส่วนเดือนต่อๆไปต้องรอเงินจากการโอนงบประมาณ 2563 และจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลเคยโฆษณาว่าจะรับการลงทะเบียนขอเยียวยาไม่อั้น และไม่แจกแค่ 3 เดือน แต่จะถึง 6 เดือนส่วนนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่ามีประชาชนลงทะเบียนถึง 27.5 ล้านคน จ่ายเงินไปแล้วกว่า 3 ล้านคน อีก 5–6 ล้านคน จะต้องดูข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนอีก 12 ล้านคน ถูกปฏิเสธสิทธิ์แต่ยังเปิดให้ทบทวนได้ ส่วนข้อมูลของนายกรัฐมนตรีระบุว่ามีแรงงาน 37 ล้านคน นอกระบบ 9 ล้านคน ในระบบ 11 ล้านคนยังมีเกษตรกรอีก 17 ล้านคน หรือ 9 ล้านครัวเรือน แต่ยังมีลูกจ้างแรงงานด้านเกษตรกรรมรวมเป็นประมาณ 30 ล้านคน เกษตรกรเป็นกลุ่มที่รัฐบาลยังไม่รู้ว่าจะเยียวยาอย่างไร เมื่อนับรวมกับอาชีพอื่นๆที่ถูกปฏิเสธสิทธิ์ จะต้องเกิน 20 ล้านคนแน่ และรัฐบาลไม่สามารถเยียวยาด้วยวิธีการปัจจุบัน คือแจกเงินเดือนละ 5 พันบาทรัฐบาลปัจจุบันต้องแจกเงินประชาชนอยู่แล้วอย่างน้อย 14.5 ล้านคน ที่ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ เดือนละ 200–300 บาทต่อคน และต้องแจกคราวนี้อีกมโหฬารเนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่ไม่มีประกันสังคม แม้แต่ลูกจ้างกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมที่มีประกันสังคม และต้องตกงานเพราะนายจ้างปิดกิจการก็มีปัญหาว่าใครจะเป็นผู้เยียวยาปลัดกระทรวงแรงงานแถลงว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้นำเงินกองทุนประกันการว่างงาน ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จ่ายให้ลูกจ้างกิจการท่องเที่ยวที่ตกงานชั่วคราวราว 1 ล้านคน แต่ประธานสภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทยชี้แจงว่ากรรมการฝ่ายลูกจ้าง ในกรรมการประกันสังคมคัดค้าน และเตือนว่าระวังติดคุก เพราะผิดกฎหมายวิกฤติโควิดทำให้สังคมไทยได้รับรู้ว่าประเทศไทยยังมีระบบการประกันสังคมที่ไม่ทั่วถึง ต้องปฏิรูปให้ทันสถานการณ์ ส่วนปัญหาเงิน 5 พันบาท คณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอให้แจกทุกคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป เดือนละ 3 พันบาทต่อคน ยกเว้นบุคลากรภาครัฐ และผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม หวังว่าจะได้รับการพิจารณา.