ก็ถือเป็น ปรากฏการณ์เหลือเชื่อของโลก ที่ กินเนสส์บุ๊ก น่าจะบันทึกเอาไว้ เมื่อ มหาเศรษฐีไทยนำที่ดินตารางวาละ 1–2 ล้านบาท หรือไร่ละ 400–800 ล้านบาท ใจกลางกรุงเทพมหานคร ปลูกมะนาว ปลูกกล้วย กันหน้าตาเฉย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563ที่สำคัญ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย ที่มีหน้าที่เก็บภาษี ไม่เพียงวางเฉย แต่ยังสนับสนุนอีกด้วยก่อนหน้านี้สื่อต่างๆได้เสนอข่าว การปลูกมะนาว บนท่อปูนซีเมนต์ชั่วคราว บนที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และนำเรื่องนี้ไปถาม คุณประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ท่านให้ความเห็นว่า เป็นสิทธิ์ที่เจ้าของที่ดินจะทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ โดยกระทรวงการคลังมองว่า การปลูกมะนาวในที่ดิน เป็นการสร้างมูลค่าให้ที่ดิน ดีกว่าปล่อยให้ทิ้งร้างไว้เฉยๆช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ได้ไปสืบเสาะพบอีกและพาดหัวข่าวว่า โผล่อีก “ดงกล้วย” กลางสาทรกว่า 3 ไร่ ห่างจากตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์เพียง 100 เมตร ติดถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ปลูกกล้วยเรียงตัวเป็นแนวยาว (มีภาพถ่ายประกอบด้วย) เมื่อทอดมองลงมาจากคอนโดมิเนียมสูง ดูเหมือนขนาดต้นและความสูงยังเล็กมาก เข้าใจว่าเจ้าของที่ดินไม่ต้องการขายที่ดินแปลงนี้ เพราะเคยเสนอขายในตารางวาละ 2 ล้านบาท ขณะที่การซื้อขายในปัจจุบันที่ตารางวาละ 1 ล้านบาทนสพ.ฐานเศรษฐกิจ ยังรายงานด้วยว่า ที่ดินย่านเอกมัยรามอินทรา ที่เคยเป็นผับซานติก้าเก่าเนื้อที่ 5 ไร่ ก็ทิ้งรอยให้เห็นว่าเพิ่งผ่านการปลูกกล้วยมะละกอได้ไม่นาน ต้นยังเล็กเตี้ยดิน นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ที่ดินหลังห้างเดอะมอลล์ รามคำแหง ที่ดินเยื้องห้างเซ็นทรัล บางนา ปัจจุบันก็มีกล้วยขึ้นเต็มพื้นที่ก็มีคำถามว่า ประชาชนทั่วไปที่มีที่ดินว่างเปล่า 40–50–100 ตารางวา ที่ซื้อไว้รอสร้างบ้านในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจะปลูกกล้วย มะนาว เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่ดินแบบเศรษฐีได้หรือไม่ เป็นคำถามที่ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย จะต้อง ทำคำตอบให้ชัดเจนและเท่าเทียมกัน มิฉะนั้นก็จะ เกิดความเหลื่อมล้ำไปทั่วประเทศ เลยทีเดียวสาระสำคัญในกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นั้น คุณประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นการเก็บภาษีจากเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถือครอง โดยอัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจะดูจากการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่วนประเด็นการประกอบเกษตรกรรม มีการบรรเทาภาระภาษีให้แก่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นบุคคลธรรมดาที่ใช้ทำประโยชน์ จะได้รับยกเว้นภาษีในปี 2563–2565 เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2566 จะได้รับการยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีในแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่เกิน 50 ล้านบาทผมเห็นด้วยกับรัฐบาลที่ ยกเว้นภาษี 3 ปี ให้กับ “เกษตรกรตัวจริง” แต่ ไม่เห็นด้วย ที่จะ ยกเว้นภาษี 3 ปี ให้กับ “เกษตรกรตัวปลอม” เศรษฐีที่ดินใจกลางกรุง โดยใช้ที่ดินราคาแพง ปลูกมะนาว ปลูกกล้วย เพื่อเลี่ยงภาษี จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี สอนให้คนโกงกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี รัฐบาลลองไปทบทวนดูใน กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็กำหนดอัตราภาษีไว้ชัดเจน ที่ดินรกร้างว่างเปล่าต้องเสียภาษีเท่าไหร่ เช่น ที่ดินราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท เสียภาษี 0.3% แต่ถ้ามีมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษี 0.7% ดังนั้น ที่ดินราคา 10,000 ล้านบาท เสียภาษีแค่ 70 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก รัฐบาลจึงไม่ควรปล่อยให้ปลูกมะนาวเพื่อเลี่ยงภาษีทุกวันนี้ คนรวยก็เสียภาษีเงินได้น้อยกว่าคนจนมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้ว ที่ดินก็มีราคาแพงกว่าทองคำ ยังคิดจะเลี่ยงภาษีอีกรัฐบาลก็เหมือนกัน ควรใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมกับประชาชนทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่อย่างนั้นความเหลื่อมล้ำ จะยิ่งถ่างกว้างจนบ้านเมืองหาความสงบสุขไม่ได้ ฮ่องกง คือตัวอย่างล่าสุด.“ลม เปลี่ยนทิศ”