สุสานชนชั้นสูงหรือบุคคลสำคัญในอารยธรรมโบราณส่วนใหญ่มักจะอัดแน่นไปด้วยทรัพย์สมบัติที่ผู้วายชนม์ต้องการที่จะนำติดตัวไปยังโลกหน้าด้วย เจ้าของสุสานจึงต้องสรรหาสารพัดวิธีการมาป้องกันทรัพย์สิน และหนึ่งในวิธีนั้นก็คือการสร้าง “กับดัก” นั่นเองล่ะครับหลายๆท่านอาจจะมีภาพจำจากภาพยนตร์หลายเรื่องที่จินตนาการ “กับดัก” ในสุสานออกมาอย่างซับซ้อน บ้างก็เป็นกลไกที่จะทำงานเมื่อใครสักคนเผลอไปกดสวิตช์ลับที่ซ่อนไว้ในก้อนหินจนทำให้ธนูหรือลูกดอกอาบยาพิษถูกยิงออกมาจากกำแพง หรือบ้างก็เป็นช่องทางเดินที่ถ้าเผลอเหยียบพลาดก็จะต้องร่วงหล่นลงไปสู่ความตายที่พื้นเบื้องล่าง แน่นอนครับว่าสิ่งที่บรรยายไปนั้นเป็นจินตนาการในภาพยนตร์ที่ทำให้คนดูตื่นเต้นเร้าใจ แต่ถ้ามองในทางโบราณคดีบ้างล่ะ เคยมีการค้นพบหลักฐานที่แสดงถึงการมีอยู่ของ “กับดัก” ในสุสานโบราณแห่งไหนมาก่อนหรือไม่?คำตอบคือ “มี” ครับ!!แถมยังเป็นสุสานที่หลายๆท่านรู้จักกันดีเสียด้วย สุสานที่ว่านั้นคือสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ ในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี สาธารณรัฐประชาชนจีน ครับ จิ๋นซีฮ่องเต้.จิ๋นซีฮ่องเต้ครองราชย์อยู่ในช่วง 247 ถึง 210 ปีก่อนคริสตกาล หรือเมื่อราว 2,200 ปีก่อน สุสานของพระองค์มีขนาดมหึมา ครอบคลุมพื้นที่ราว 98 ตารางกิโลเมตร โดยโบราณวัตถุที่โดดเด่นที่สุดของสุสานแห่งจิ๋นซีฮ่องเต้ก็คือกองทหารดินเผา (Terracotta Army) จำนวนมหาศาลเกือบ 8,000 ตัวนั่นเองล่ะครับ สิ่งที่น่าทึ่งก็คือใบหน้าและส่วนสูงของหุ่นทหารแต่ละตัวมีความแตกต่างกันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเปรียบประหนึ่งว่าหุ่นแต่ละตัวเคยเป็นตัวแทนของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่เคยรับใช้องค์จักรพรรดิอยู่จริงๆเมื่อกว่า 2,200 ปีก่อนเลยก็ว่าได้ แต่จนถึงตอนนี้นักโบราณคดีก็ยังไม่ได้ขุดค้นเข้าไปด้านในสุสานอันเป็นสถานที่ฝังพระศพที่แท้จริงของจิ๋นซีฮ่องเต้หรอกครับ ด้วยเกรงว่าโบราณวัตถุต่างๆที่ค้นพบในสุสานอาจพังเสียหายเมื่อต้องสัมผัสกับสภาพอากาศในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการเสนออีกหนึ่งสาเหตุแบบ “ขำๆ” ขึ้นมาด้วยเช่นกันครับว่าบางทีนักโบราณคดีอาจจะกลัวโดน “กับดัก” ในสุสานของพระองค์เล่นงานเข้าให้เสียมากกว่า!!ถ้ามองในมุมของโบราณคดีแล้ว สาเหตุที่แท้จริงก็ควรจะเป็นการพยายามป้องกันความเสียหายของโบราณวัตถุในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้นั่นล่ะครับ เพราะนักโบราณคดีทราบดีว่าหุ่นทหารดินเผาร่วม 8,000 ตัว ที่ถูกจัดเรียงเอาไว้ในสุสานของพระองค์นั้นเคยมีสีสันที่สดใสมาก่อน แต่เมื่อนักโบราณคดีเปิดสุสานเข้าไปขุดค้นขุดแต่งได้ไม่นาน สีบนหุ่นดินเผากลับเลือนหลุดหายไปจนหลงเหลือเพียงแค่สีน้ำตาลอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน นั่นหมายความว่าถ้านักโบราณคดียังไม่สามารถค้นพบวิธีที่จะช่วยบูรณะรักษาโบราณวัตถุที่อาจจะเสียหายเช่นนี้จากสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ การเปิดสุสานเข้าไปทั้งๆที่ยังไม่มีวิทยาการที่พร้อมเพียงพอก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเช่นกัน หน้าไม้จีนโบราณมีอายุร่วมสมัยกับจิ๋นซีฮ่องเต้.แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าสาเหตุเรื่อง “กับดัก” จะฟังดูขบขันเสียทีเดียว เพราะว่ากับดักในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้อาจจะมีอยู่จริง!! นักวิชาการบางท่านยังเสนอว่าบางทีกับดักเหล่านั้นอาจจะยังใช้งานได้อยู่ในทุกวันนี้ด้วยซ้ำไป!!สุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้นมีขนาดมหึมาเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพระองค์ต้องการที่จะเป็นกษัตริย์ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าหลังสิ้นพระชนม์ จึงสร้างสุสานเป็น “เมืองจำลอง” ขนาดย่อมๆแถมยังมี “แม่น้ำ” ที่ทำจาก “ปรอท” ไหลเอื่อยๆอยู่ภายในสุสานอีกด้วย แต่สงสัยกันไหมล่ะครับว่า แล้วนักโบราณคดีทราบได้อย่างไรว่าสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้จะมีทั้งแม่น้ำปรอทและกับดักอันน่าเกรงขามสำหรับสังหารหัวขโมย มีการค้นพบกับดักที่สามารถฆ่าหัวขโมยได้จริงๆในสุสานแห่งนี้เช่นนั้นหรือ?เปล่าเลยครับ แท้ที่จริงแล้วต้องบอกว่าเรื่องราวของ “กับดัก” ในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ “เชื่อกันว่า” มีอยู่จริงนั้น ปรากฏอยู่เพียงแค่ในงานเขียนของ “ซือหม่าเชียน” (Sima Qian) ซึ่งเป็นอาลักษณ์ในสมัยราชวงศ์ฮั่น ถึงอย่างนั้นข้อมูลของซือหม่าเชียนก็อธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของสุสานแห่งจิ๋นซีฮ่องเต้เอาไว้อย่างชัดเจนเลยทีเดียวครับ แรกเริ่มเดิมทีนักโบราณคดียังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อความที่ซือหม่าเชียนบรรยายเกี่ยวกับสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้เอาไว้นั้นจะเป็นจริงหรือไม่ แต่เมื่อมีการค้นพบหุ่นตุ๊กตาดินเผาจากสุสานแห่งนี้เป็นครั้งแรกเมื่อต้นปี ค.ศ. 1974 ก็ทำให้นักโบราณคดีทราบว่าข้อความของซือหม่าเชียนไม่ได้กล่าวอ้างเกินจริง ซือหม่าเชียน.นอกจากซือหม่าเชียนจะพรรณนาถึงรายละเอียดหน้าตาของสุสานแห่งจิ๋นซีฮ่องเต้แล้ว เขาได้กล่าวเอาไว้ด้วยว่าสุสานแห่งนี้มี “กับดัก” ทั้งหน้าไม้ที่ขึงเตรียมไว้ยิงปลิดชีพเหล่าโจรปล้นสุสาน นอกจากนั้นก็ยังมี “ปรอท” อันเป็นพิษในปริมาณมหาศาลที่จะสังหารเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดีที่บังอาจเข้ามาในสุสานแห่งนี้ให้เดินทางไปยังปรโลกได้ไม่ยาก แต่จนถึงปัจจุบัน นักโบราณคดีก็ยังไม่เคยค้นพบกับดักจริงๆในสุสานแห่งนี้แบบจะจะ และยังไม่เคยพบเห็นเหล่าโจรปล้นสุสานที่บังเอิญไปสะกิดสวิตช์โดยไม่ตั้งใจจนตกเป็นเหยื่อของหน้าไม้มรณะเลยสักรายเดียวนักวิชาการบางส่วนยังเสนอว่าในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้อาจจะมี “กับดัก” ชนิดอื่นๆอีกด้วยนะครับ บางชนิดก็ดูคล้ายกับที่เคยถูกนำเสนอในภาพยนตร์เลยล่ะครับ เช่นทางเดินทำจากแผ่นหินที่สามารถพลิกตะแคงกลับด้านได้ถ้าเผลอไปเหยียบเข้า ส่งให้ผู้เหยียบร่วงหล่นลงไปด้านล่างที่มีมีดอันคมกริบตั้งรอท่าอยู่ และเมื่อแผ่นหินนั้นได้ส่งตัวผู้โชคร้ายไปปรโลกแล้ว มันก็จะพลิกตัวกลับมายังตำแหน่งเดิมโดยอัตโนมัติด้วยน้ำหนักของตัวมันเอง เจ๋งเลยใช่ไหมล่ะครับกับดักอีกชนิดหนึ่งที่เสนอว่าอาจจะมีอยู่ในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้เช่นกันก็คือ “ทรายดูด” ครับ เสนอกันว่าเมื่อโจรปล้นสุสานขุดค้นหาสมบัติจนถึงระดับของทรายดูดนี้ มันก็จะค่อยๆกลืนกินเหยื่อของมันอย่างช้าๆโดยดึงโจรปล้นสุสานให้ลงมาพบกับจุดจบในสุสานที่สร้างเตรียมเอาไว้เบื้องล่าง ส่วนกับดักชิ้นสุดท้ายคือ “เพลิงมรณะ” ที่แสดงถึงองค์ความรู้วิชาเคมีของชาวจีนโบราณในการจุดระเบิดจากก๊าซติดไฟด้วยการใช้ก๊าซชีวภาพและสารไวไฟอย่างฟอสฟอรัส และเมื่อสุสานถูกเปิดออกวัตถุดิบที่เหมาะสมก็จะเข้ามาผสมผสานกันทำให้ระเบิดทำงานสังหารโจรปล้นสุสานจนสิ้นชีพ บางส่วนของสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้.แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีมาสนับสนุนว่าเคยมีกับดักเหล่านั้นอยู่จริงในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้หรอกครับ กับดักที่อาจจะมีความเป็นไปได้มากกว่าก็คือ “หน้าไม้” และ “ปรอท” แต่ถึงอย่างนั้นนักโบราณคดีก็ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับกับดักทั้งสองชนิดนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน มาดูที่ประเด็นของหน้าไม้กันก่อนครับถึงแม้ว่าเราจะตั้งสมมติฐานว่าข้อเขียนของซือหม่าเชียนเกี่ยวกับกับดักนั้นเป็นจริง และอาจจะเคยมีหน้าไม้ที่ขึงตึงเตรียมยิงลูกธนูมรณะออกมาจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าสนใจว่ากับดักที่ว่านี้จะยังใช้งานได้อยู่จริงๆน่ะหรือ ทั้งๆที่ผ่านกาลเวลามายาวนานตั้ง 2,200 ปีมาแล้ว จะเป็นไปได้ไหมว่ากลไกในการเหนี่ยวง้างไกหน้าไม้อาจจะพังหรือเสื่อมสลายไปกับกาลเวลาแล้ว? หรือบางทีสภาพอากาศในสุสานอาจจะทำให้ระบบกลไกเป็นสนิมไปแล้ว? จริงๆแล้วก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ได้อย่างแน่ชัดหรอกครับ แต่ก็อย่าลืมว่าสุสานที่แท้จริงของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้นยังไม่ถูกเปิด และบางทีเมื่อโลกของเรามีเทคโนโลยีที่เหมาะสม เราอาจจะได้เห็นระบบกลไกของกับดักหน้าไม้อันน่าทึ่งนี้ก็เป็นได้นะครับสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากกว่ากับดักในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ก็คือเจ้า “ปรอท” นี่ล่ะครับ เพราะถึงแม้ว่านักวิชาการบางท่านพยายามเสนอว่าปรอทในสุสานทำหน้าที่เป็น “กับดัก” แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าปรอทได้ถูกใช้งานเพื่อประโยชน์ทางด้านการ “ตกแต่ง” สุสาน โดยนำมาใช้เป็นตัวแทนสายน้ำของแม่น้ำสองสายทั้งแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำแยงซีด้วยเช่นกัน และในประเด็นนี้นักโบราณคดีค้นพบหลักฐานของปรอทปริมาณมหาศาลใต้สุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้จริงๆเสียด้วยสิครับ!! ไกสำหรับยิงหน้าไม้ มีอายุร่วมสมัยกับจิ๋นซีฮ่องเต้.สิ่งหนึ่งที่นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ยอมรับตรงกันก็คือจิ๋นซีฮ่องเต้เคยมีบัญชาให้หัวเมืองต่างๆออกตามหา “ยาอายุวัฒนะ” เพื่อหวังที่จะใช้ชีวิตเป็นอมตะ นักโบราณคดีค้นพบหลักฐานจากซี่ไม้ไผ่ร้อยเชือกอายุราว 2,000 ปี จำนวนมากกว่า 36,000 ชิ้น จากก้นบ่อน้ำในมณฑลหูหนานที่ทำให้ทราบข้อมูลว่าจิ๋นซีฮ่องเต้เคยสั่งให้ทั่วราชอาณาจักรทำการออกตามหายาอายุวัฒนะมาก่อน ราชโองการนี้ถูกส่งออกไปทั่วทั้งแผ่นดินจีน แม้แต่หัวเมืองในแคว้นเล็กๆบริเวณแถบชายแดนก็ต้องร่วมในการค้นหายาอายุวัฒนะที่ว่านี้ด้วยเช่นกัน หลักฐานจากหนังสือที่ทำจากซี่ไม้ไผ่ร้อยติดกันนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของหัวเมืองต่างๆในการออกค้นหายาวิเศษเพื่อองค์เหนือหัว แต่ถึงอย่างนั้นคำตอบที่ได้รับก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถหายาที่ว่านั้นได้ (ก็เพราะมันไม่มียังไงล่ะครับ) เช่น หมู่บ้าน “ตู้เซี่ยง” ตอบกลับมาว่าไม่สามารถหายาได้ แต่ยังไงก็จะพยายามออกตามหาต่อไป ส่วนหมู่บ้าน “หลังหยา” ให้คำตอบกลับมาว่าพวกเขาค้นเจอสมุนไพรชนิดหนึ่งจากภูเขาในท้องถิ่นที่อาจจะนำมาใช้เป็นยาอมตะตามที่พระองค์ปรารถนาได้แต่ถึงอย่างนั้นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่ชาวจีนโบราณเชื่อว่ามีความสามารถทางยาก็คือ “ปรอท” นี่แหละครับ พวกเขาใช้ปรอทในการคุมกำเนิดโดยการผสมปรอทในปริมาณน้อยลงไปในอาหารให้สตรีกินทุกวันๆเพื่อหวังว่าเธอจะไม่ตั้งครรภ์ ส่วนอีกหนึ่งความเชื่อทางด้านคุณสมบัติสุดว้าวของปรอทก็คือมันเป็นยาที่ช่วย “ยืดชีวิต” ได้ โดยมีตำนานเล่าว่าการกินซินนาบาร์หรือแร่ปรอทนั้นสามารถช่วยทำให้อายุยืนยาวได้ ดังนั้นจักรพรรดิจีนบางพระองค์จึงเสวยไวน์และน้ำผึ้งที่คลุกเคล้ากับปรอทเพื่อหวังที่จะมีอายุที่ยืนยาวด้วยเช่นกัน ในแต่ปัจจุบันเราทราบดีแล้วครับว่าปรอทนั้นเป็น “พิษ” อย่างแน่นอน หุ่นทหารในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้.นักโบราณคดีเคยนำเอาตัวอย่างดินในบริเวณต่างๆโดยรอบของสุสานไปตรวจปริมาณของปรอทและพบว่าสุสานแห่งนี้มีปรอทสะสมอยู่ในปริมาณมากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทางทิศใต้ของสุสาน แต่ไม่พบปริมาณปรอทมากนักทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และเมื่อลองทำแผนผังของปริมาณปรอทออกมาก็มีการเสนอกันว่าบางทีหลักฐานของปริมาณปรอทเหล่านี้อาจจะสอดคล้องกับตำแหน่งของแม่น้ำเหลืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและแม่น้ำแยงซีที่ไหลอยู่ทางทิศใต้ แสดงถึงการจำลองการไหลของแม่น้ำสองสายในสุสานดังที่ซือหม่าเชียนกล่าวไว้นั่นเอง รถม้าในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้.แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีอยู่ดีครับ เพราะตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปิดสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้เข้าไปค้นหาความจริง ข้อถกเถียงเรื่องแม่น้ำปรอทหรือกับดักหน้าไม้มรณะที่ซือหม่าเชียนเขียนเอาไว้ในเอกสารของเขา รวมถึงกับดักชนิดอื่นๆที่ฟังดูน่าทึ่งก็จะยังคงเป็นเพียงแค่สมมติฐานที่ต้องรอคอยการพิสูจน์ต่อไป หวังว่าในอนาคตอันใกล้จะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยพอที่จะทำให้นักโบราณคดีเข้าไปสำรวจสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้โดยไม่ทำให้สุสานนี้เสียหาย และเมื่อถึงวันนั้นคอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูน ก็คงจะมีเรื่องราวสนุกๆของสุสานแห่งนี้มาเล่าสู่กันฟังได้อีกหลายเรื่องเลยล่ะครับ.ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน โดย : นนทพัทธ์