ชื่อหนังสือ “ผูกนิพพานโลกีย์” (อภิลักษณ์ เกษมผลกูล สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2550) มีนัยถึงความหลุดพ้น ปนเประหว่างโลกกับธรรม น่าสนใจหน้า 34 คุณอภิลักษณ์ เขียนว่า 11 ต.ค.2547 ได้พบต้นฉบับ ปะปนอยู่กับสมุดไทย และใบลานในห้องสมุดพระเมธาจารย์วรญาณคณานุรักษ์ สังฆปาโมกข์ (แจ้ง จันทสโร) หรือท่านเจ้าคุณเฒ่า วัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดตราดระหว่างการจัดทำบัญชีรายชื่อวรรณกรรมท้องถิ่นคัมภีร์ใบลาน ชื่อผูกนิพพานโลกีย์ที่พบ เนื้อหาต่างไปจากวรรณกรรมวัดทั่วไป คือไปในเชิงสังวาสคำถามก็คือ นี่คือหนังสือตำราทำนองกามสูตรของอินเดียแต่เหตุไฉนจึงปรากฏในห้องสมุดของวัด ไฉนจึงใช้ชื่อสองแง่สองง่าม ทั้งนิพพาน ทั้งโลกีย์ไว้ด้วยกันคำตอบมีว่า ผูกนิพพานโลกีย์ เป็นวรรณกรรมเพื่อ (สร้าง) ชีวิต สะดุดใจจนต้องอ่านต่อราว พ.ศ.1590 ลัทธิตันตระได้เข้ามาผสมกลมกลืนกับพุทธศาสนาเรียกว่านิกายพุทธตันตระ เป็นการผสมลัทธิตันตระฝ่ายซ้าย ที่เรียก “วาจาริน” หรือกาฬจักร มีสำนักอยู่ที่วิกรมสีลมหาวิหารนาลันทานิกายนี้มีหลักว่า ตัณหาต้องดับด้วยตัณหา มนุษย์มีราคะ โทสะ และโมหะ คือกิเลส ถ้าต้องการดับกิเลสต้องประพฤติเช่นนั้น จนเบื่อหน่ายไปเองนอกจากยึดหลักปรัชญา ดับกามด้วยการเสพกาม ลัทธิตันตระนี้ มีข้อปฏิบัติเน้นหนักไปในการทำเครื่องรางของขลัง ลงยันต์ต่างๆลัทธิตันตระเผยแพร่เข้าประเทศไทย ระหว่าง พ.ศ.1300­ 1900 รู้จักกันว่า พุทธศาสนานิกายวัชรยานแม้ต่อมา นิกายลังกาวงศ์ ได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างเต็มที่ จนถึงปัจจุบัน แต่ลัทธิตันตระ ยังปรากฏอยู่ในศาสนาพราหมณ์และพุทธ และยังคงหลงเหลือปนเปอยู่ในความเชื่อของคนไทยหลักฐานการลงยันต์และเรื่องร่วมเพศ ปรากฏสอดแทรก อยู่กับภาพพุทธประวัติและชาดก ในจิตรกรรมฝาผนังตามโบสถ์วัดพุทธนิกายหินยานภาพเหล่านี้ภาษาจิตรกร เรียก “ภาพกาก” ตามปกตินิกายนี้ เรื่องกิเลสตัณหาเป็นเรื่องที่พึงกำจัดอย่าเพิ่งคิดไปเอง เป็นเรื่องสนุก มุกสัปดนของคนเขียนภาพ เพราะต้นเค้าภาพทำนองนี้ มีอยู่ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในอินเดีย หลายแห่ง เช่นที่ถ้ำเอลลอร่าหรือรูปการร่วมเพศที่แกะไว้ตามจั่วและเสาของโบสถ์พุทธศาสนาที่เนปาลศิลปะเหล่านี้ได้อิทธิพลจากลัทธิศาสนาของฮินดูใหม่ คือลัทธิศักดิ และจากอิทธิพลของหนังสือกามสูตร ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยหลังเรื่องผูกนิพพานโลกีย์ จารลงบนใบลาน ด้วยอักษรขอม อักษรไทย ภาษาบาลี และภาษาไทย มีจำนวนหนึ่งผูก 28 หน้าลาน ตอนต้นเป็นกลอนสุภาพ ตอนหลังดำเนินความอย่างร้อยแก้วคำว่า นิพพาน พุทธศาสนาแบบไทย หมายถึง มรรคาแห่งความหลุดพ้น แต่นายรุ่ง ละคร ผู้เขียนผูกนิพพานโลกีย์ หวังอานิสงส์ในการสืบสกุล ตั้งใจสื่อความหมายถึงความสุขที่เกิดจากรสชาติกาม ที่ใช้สำนวนว่าสวรรค์ชั้นเจ็ดเนื้อหาเป็นตำราดูลักษณะของลับหญิงชาย ที่บางคนคงเคยอ่านจากตำราพรหมชาติ รวมทั้งวิธีเสพสังวาส หรือเซ็กซ์ในอุดมคติ ที่ยืดหยุ่นได้ตามเงื่อนไขต่างๆ ผสมความเชื่อทางโหราศาสตร์ไม่กำหนดท่าตายตัว เหมือนตำรากามสูตรอภิลักษณ์ เกษมผลกูล จบข้อเขียนบทนี้ว่า วรรณกรรมผูกนิพพานโลกีย์ สะท้อนทัศนคติ ความคิด และภูมิรู้ของผู้ประพันธ์ไว้อย่างมหาศาล เป็นคุณูปการในการบันทึกประวัติศาสตร์แห่งสรีระทางเพศหญิงชาย ไว้อย่างที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน.กิเลน ประลองเชิง