ตับ และตับอ่อน คือ อวัยวะที่หากเกิดความผิดปกติแล้วอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย ทั้งภาวะอักเสบเฉียบพลัน อักเสบเรื้อรัง เกิดก้อนเนื้องอกหรือถุงน้ำ (ซีสต์) หรือแม้แต่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็งได้นพ.สมสิทธิ์ ตันเจริญ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านผ่าตัดผ่านกล้องโรคตับ ตับอ่อน ทางเดินน้ำดี และการปลูกถ่ายตับ ศูนย์ศัลยกรรม รพ.กรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า สาเหตุอันดับต้นๆที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับ คือ การดื่มแอลกอฮอล์ ที่พบว่าผู้ชายมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับสูงกว่าผู้หญิง “การดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่างจะมีผลเสียต่อตับมากกว่าดื่มพร้อมอาหาร การดื่มที่ตับไม่สามารถย่อยสลายได้สมบูรณ์ จะทำให้สารตกค้างในกระบวนการย่อยคั่งค้าง ซึ่งสารดังกล่าวนี้จะเป็นพิษทำลายเซลล์ตับ คือ ไปขัดขวางการทำงานของตับ การสลายของไขมัน ทำให้ไขมันสะสมในเซลล์ตับเพิ่มขึ้น หรือที่เรียกว่าภาวะไขมันพอกตับ” คุณหมอสมสิทธิ์บอกและว่า หากดื่มแอลกอฮอล์จนเซลล์ตับเกิดการอักเสบเรื้อรัง และเกิดอาการที่เรียกว่า เจ็บตับ นั่นหมายถึง ตับไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้แล้ว จนกลายเป็นตับแข็ง ตับวาย และมะเร็งตับในที่สุด “การสังเกตอาการตัวเองว่าตับมีความผิดปกติหรือไม่เป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะอาการของโรคตับหากยังไม่เป็นมากมักไม่ค่อยแสดงอาการ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อเป็นมากแล้ว” คุณหมอสมสิทธิ์บอกพร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาการหรือความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มสังเกตได้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีความเสื่อมของตับแล้ว เช่น เบื่ออาหาร ผอม น้ำหนักลดลง นอกจากนี้ อาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ หรือท้องผูกเป็นประจำ บางคนมีอาการเจ็บตับบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา ตามมาด้วยอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโตขึ้นจากน้ำในช่องท้องที่มากขึ้น ปัสสาวะสีเข้มแม้จะทานน้ำมากแค่ไหนก็ไม่จาง ด้าน พ.อ.รศ.นพ.ธัญญ์ อิงคะกุล ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านผ่าตัดผ่านกล้องโรคตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี ศูนย์ศัลยกรรม รพ.กรุงเทพ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตับอ่อนว่า จริงๆแล้วมะเร็งตับอ่อนจะ คล้ายกันกับมะเร็งตับ แต่ความรุนแรงของมะเร็งตับอ่อนจะมากกว่า และมักพบในระยะลุกลามแล้ว โดยตับอ่อนเป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณหลังกระเพาะอาหารทำ หน้าที่หลักสองอย่างคือ ผลิตน้ำย่อยเพื่อใช้ในการย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน “น้ำย่อยต่างๆที่ตับอ่อนผลิตจะถูกหลั่งออกมาที่ท่อน้ำดีส่วนปลายออกสู่ลำไส้เล็กเพื่อย่อยอาหาร หน้าที่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของตับอ่อน คือ การสร้างฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งหากตับอ่อนเกิดการอักเสบ คนไข้จะมีอาการเจ็บปวดทรมาน เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเริ่มปวดจากบริเวณลิ้นปี่ แล้วปวดร้าวไปที่หลัง ซึ่งเป็นอาการปวดที่เป็นลักษณะเฉพาะของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ทานอาหารไม่ได้ ยิ่งทานยิ่งรู้สึกปวด ปวดมากจนนอนไม่เป็นสุข” ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านผ่าตัดผ่านกล้องโรคตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดีบอกการอักเสบของตับอ่อนแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ อักเสบเฉียบพลัน ซึ่งสาเหตุหลักๆ คือ มีนิ่วในถุงน้ำดี หากก้อนนิ่วหลุดลงมาอุดตันที่ท่อน้ำดีส่วนปลายกับท่อตับอ่อนทำให้น้ำย่อยไม่สามารถไหลออกมาย่อยได้ตามปกติ เกิดการไหลย้อนของน้ำดีเข้าสู่ท่อตับอ่อน จนแรงดันในท่อตับอ่อนสูงขึ้น ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบได้ และแอลกอฮอล์ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆ สารที่เกิดระหว่างกระบวนการย่อยสลายแอลกอฮอล์จะมีพิษต่อตับอ่อน ส่งผลให้เซลล์ตับอ่อนถูกทำลาย คุณหมอธัญญ์ บอกว่า การรักษาโรคตับและตับอ่อนอักเสบแบบยั่งยืนต้องรักษาที่ต้นเหตุ คือ การหยุดดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ตับฟื้นฟูตัวเอง เพื่อหยุดยั้งการทำลายเซลล์ตับที่เหลืออยู่ และหวังให้การดำเนินของโรคช้าลง แต่หากจำเป็นต้องทำการรักษาก็สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการให้ยาจำเพาะที่สามารถลดอัตราการเสียชีวิต และป้องกันภาวะแทรกซ้อน การให้สารอาหารหรือวิตามินที่เพียงพอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงพิจารณาเลือกใช้วิธีผ่าตัดที่เหมาะสมกับอาการและระยะของโรค“ทั้งการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง การรักษาแบบ Intervention treatment หรือการผ่า ตัดปลูกถ่ายตับสำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่ตอบสนองต่อยารักษา ในกรณีที่วินิจฉัยว่าตับอ่อนอักเสบมีภาวะแทรกซ้อนเฉพาะที่ อาทิ มีเนื้อตายหรือมีการติดเชื้อร่วมด้วย อาจต้องทำการใส่ท่อระบายบริเวณที่มีปัญหา หรือถ้ายังไม่ดีขึ้นอาจต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อตายบริเวณตับอ่อนออก ซึ่งการผ่าตัดเพื่อตัดตับอ่อนทั้งหมดหรือบางส่วนออก ถือเป็นทางเลือกที่จะพิจารณาในผู้ป่วยที่มีก้อนมะเร็งจำกัดเฉพาะอยู่ในตับอ่อน” คุณหมอธัญญ์อธิบายพร้อมกับบอกว่า ภาวะตับอักเสบเรื้อรังจากแอลกอฮอล์เป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง การวินิจฉัยและให้การรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงทีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สามารถช่วยให้ผู้ป่วยปลอดภัย ลดภาวะแทรกซ้อน ทั้งยังลดอัตราการเสียชีวิตลงได้.