ผักกูด ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diplazium esculentum มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามพื้นที่ เช่น หัสดำ (นครราชสีมา), ไก้กวิลุ ปู่แปลเด๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แลโพโด้ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), แทรอแปล๊ะ (กะเหรี่ยงแดง), เหล้าชั้ว (ม้ง), บ่ะฉ้อน (ลัวะ), กูดคึ (ภาคเหนือ)เป็นผักในตระกูลเฟิร์น มีเหง้าสูงได้ 1 เมตร ใบเป็นแผงรูปขนนก ตอนอายุไม่มากจะแตกเป็นรูปขนนกชั้นเดียว คู่ขนานกันไปตั้งแต่โคนใบถึงปลายใบ เมื่ออายุมากกว่า 5 ปี ใบจะเปลี่ยนเป็นรูปขนนก 2 ชั้น ยอดอ่อนและปลายยอดม้วนงอแบบก้นหอยมักจะขึ้นอยู่ตามริมน้ำ หรือพื้นที่ชุ่มน้ำมากกว่าในป่าทึบ มักพบบ่อยเพราะเป็นช่วงเจริญเติบโตในฤดูฝน พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในทวีปเอเชีย ส่วนอีกสายพันธุ์อยู่ในกลุ่มประเทศโอเชียเนียใบผักกูด ใช้ต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้ตัวร้อน, แก้พิษอักเสบ, บำรุงสายตา, บำรุงโลหิต, แก้โลหิตจาง, ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน, ขับปัสสาวะเด็ดขาดมาก, ลดความดันโลหิตสูง, ลดคอเลสเทอรอลในเม็ดเลือด มีสารเบตาแคโรทีน และธาตุเหล็กสูง การประกอบอาหารจะนำใบอ่อน ช่ออ่อน หรือส่วนของฟรอนด์ (Frond) ที่โผล่ขึ้นมาจากลำต้น มีส่วนปลายม้วนงอนี่แหละ ทำแกงกับปลาเนื้ออ่อนน้ำจืด ปลาช่อนหรือลวกจิ้มน้ำพริกชนิดต่างๆ ยำผักกูด, ผักกูดผัดน้ำมันหอย, แกงกะทิกับปลาย่าง, ลวกกะทิ แต่ไม่นิยมกินสดๆกันเพราะจะมียางเป็นเมือกอยู่ที่ก้านเสาร์ 31 ส.ค.62 สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ผักกูด : พืชพื้นบ้านจากธรรมชาติสู่พืชเศรษฐกิจ ณ โครงการเกษตรรวมใจ อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯจ.นครนายก มีวิทยากรมาให้ความรู้เรื่องปลูกผักกูด โดยการใช้เทคโนโลยีการปลูกพืช ในโรงเรือน สนใจสอบถาม WFH ที่ 0-2942-8822 ต่อ 405.