ผมยังมีเรื่องราวและสาระอีกหลายๆประเด็นจากการไปดูงานเรื่องพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาดที่ฟินแลนด์กับเดนมาร์ก เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นในบ้านเราก็จะหยุดพักเอาไว้ชั่วขณะวันนี้ขออนุญาตหยุดอีกวันละครับ เพราะมีข่าวสำคัญข่าวหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะนำมากราบเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบไว้เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความอยู่รอดของโลกและของมนุษย์ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องเดียวกับที่ผมไปดูงานกับ ปตท.มานี่แหละ แต่เป็นคนละมุมนั่นก็คือความห่วงใยในภาวะเสื่อมโทรมของโลกเราที่เกิดขึ้น จากภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลาย ทำให้ภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลง ร้อนขึ้นกว่าเดิม หนาวลงกว่าเดิม ทำให้แล้งบ่อยแล้งนาน หรือหากมีน้ำท่วมก็จะท่วมหนักและนานเช่นกันถ้าปล่อยไปเช่นนี้เรื่อยๆ ทุกอย่างก็จะรุนแรงขึ้นและที่สุดของที่สุดโลกในอนาคตอาจจะกลายเป็นธุลีไปทั้งใบก็ได้ใครจะรู้?จึงเป็นที่มาของข้อตกลงที่จะช่วยกันลดภาวะโลกร้อนด้วยการหันมาใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดที่ผมเพิ่งไปดูงานเมื่อต้นเดือนขณะเดียวกันก็มีแนวคิดและแนวปฏิบัติที่ควบคู่กันไปที่หลายๆประเทศกำลังปฏิบัติ และประเทศไทยของเราก็เริ่มตื่นตัวกันบ้างแล้วได้แก่แนวคิดเรื่อง “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ Circular Economy นั่นแหละครับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ก็คือเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าและวัสดุภัณฑ์ต่างๆอย่าง “ถนอม” ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมายถึงในการผลิตสินค้าขึ้นมาแต่ละชิ้น จะต้องคิดไปด้วยว่าเมื่อสินค้านั้นหมดอายุแล้ว มันจะกลายเป็นอะไร? จะกลับเอามาใช้ใหม่ได้ไหม? เอามาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตใหม่ได้ไหม?คำตอบก็คือจะต้องหาทางเอามาใช้ใหม่ให้ได้ อย่าปล่อยให้มันกลายเป็นขยะเด็ดขาด เพราะขยะสมัยใหม่จะเป็นขยะอุตสาหกรรมที่ทำลายยาก บางอย่างจะอยู่กับโลกไปเป็นร้อยๆปี ดังเช่นขยะพลาสติก ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ขณะนี้ เป็นต้นแนวความคิดในการผลิตสินค้าแบบนำกลับมาใช้แล้วใช้อีก...ใช้วัตถุดิบอะไรก็ตาม จะไม่ใช้แค่ครั้งเดียว แต่จะนำกลับมาใช้แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นวงจรไม่รู้จบ จึงเกิดขึ้นทั่วโลกผู้ผลิตในบ้านเราเริ่มหันมาผลิตสินค้าในลักษณะนี้กันมากขึ้น และหนึ่งในบริษัทนำร่องก็คือ SCG หรือบริษัทปูนซิเมนต์ไทย นั่นเองตลอด 10 ปีที่ผ่านมา SCG ได้มอบหมายให้หน่วยวิจัยของบริษัท วิจัยหาลู่ทางของการผลิตในระบบหมุนเวียนมาโดยตลอดรวมทั้งเป็นโต้โผหรือเจ้าภาพในการจัดสัมมนา เพื่อหาความรู้และเผยแพร่ความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนกับพันธมิตร กับภาครัฐบาล ภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาชน หรือเอ็นจีโอ มาทุกปีปีนี้เป็นปีที่ 10 พอดี SCG จะจัดสัมมนาใหญ่ระดับซิมโปเซียมในหัวข้อ “Circular Economy : Collaboration for Action” ซึ่งแปลตรงๆตัวว่า การร่วมมือกันเพื่อนำแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนไปสู่ภาคปฏิบัตินั่นแหละครับโดยจะจัดขึ้นที่โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 22 วันนี้ (จันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562) ตั้งแต่เวลา 08.30 น.เป็นต้นไปจะเป็นการระดมสมองครั้งใหญ่ เพื่อให้ได้บทสรุปสำหรับการนำไปสู่การปฏิบัติ (อย่างจริงจัง) สำหรับประเทศไทยเราผู้ที่จะมาสรุปผลการสัมมนา และเสนอให้รัฐบาลนำไปดำเนินการต่อก็คือ อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุลส่วนตัวแทนภาครัฐบาลที่จะมารับบทสรุป และจะช่วยกล่าวปิดสัมมนาให้ด้วยก็คือ หัวหน้ารัฐบาล หรือท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งยืนยันมั่นเหมาะว่าจะมาแน่นอนหวังว่าจบสัมมนานี้แล้ว การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบ้านเราจะเข้าสู่ระบบ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” มากขึ้น...ใช้วัตถุดิบอย่างถนอมมากขึ้น สามารถนำไปผลิตใหม่ใช้ใหม่ได้มากขึ้น ฯลฯอันจะเป็นผลให้อายุของโลกยืนยาวขึ้น อยู่ไปได้ถึงกัปกัลป์ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะต้องแตกสลายไปก่อนเวลาอันสมควร ว่างั้นเถอะครับ.“ซูม”