(ภาพ) ดร.วิทยากร เชียงกูลเสนอวิจัยเพิ่ม 4 เรื่องสำคัญจากการประชุมระดมความคิดเห็นรายงานสภาวะการศึกษาไทยปี 2561/2562 ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากการอ่านวิเคราะห์รายงานสภาวะการศึกษาไทยปี 2561-2562 ที่จัดทำโดย ดร.วิทยากร เชียงกูล ที่ปรึกษาโครงการสภาวะการศึกษาไทยปี 2561-2562 มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมคือ ประการแรก การศึกษาไทยถูกตัดขาดจากตลาดแรงงาน ตนอยากให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลเด็กหลังจากออกจากสถานศึกษาแล้วว่า เด็กมีความพร้อมแค่ไหนในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน และความพร้อมที่จะศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เพราะตัวเลขการผลิตกำลังคนของประเทศสูงขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราผลิตกำลังคนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยพบตัวเลขว่าแรงงานไทย 100 คน เป็นแรงงานมีฝีมือ 14% ขณะที่แรงงานของสิงคโปร์และฟินแลนด์มีมากกว่า 45-50% เป็นแรงงานมีฝีมือ ประการที่สอง ความพร้อมในการเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล โดยอาจเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยว่า มีการนำอุปกรณ์เทคโนโลยีเข้าสู่ระบบการศึกษามากน้อยอย่างไร เช่น การสอนเด็กผ่านแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์มีอัตราส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ดร.เกียรติอนันต์ กล่าวต่อไปว่า ประการที่สาม ข้อมูลความแตกต่างของภูมิภาค เกี่ยวข้องกับคุณภาพสถานศึกษาจำนวน 30,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งขนาดของโรงเรียน เช่น ใหญ่ กลาง เล็ก และที่ตั้งของโรงเรียน เช่น ในเมืองและพื้นที่ห่างไกล ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาอย่างไร ประการที่สี่ ข้อมูลที่แสดงถึงความแตกต่างกันของเพศผู้เรียน เช่น สถิตินักเรียนหญิงเข้าเรียนระดับประถมศึกษาจนจบมัธยมศึกษามีกี่เปอร์เซ็นต์ และไม่จบการศึกษากี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียนชาย“รายงานสภาวะการศึกษาไทย ควรมีการนำไปใช้ประโยชน์ให้มาก โดยเฉพาะผู้กำหนดนโยบายการศึกษาของชาติควรที่จะเปิดอ่าน นอกจากนี้ผมอยากให้ข้อมูลในรายงานสภาวะการศึกษาไทย เป็นข้อมูลกลางที่ทุกฝ่ายสามารถนำไปใช้เผยแพร่ต่อได้ อาจถือว่ารายงานฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแพร่ข้อมูล เพื่อต่อยอดให้หน่วยงานอื่นๆ นำไปใช้ต่อ หรือเพื่อการทำวิจัยต่อไป” ดร.เกียรติอนันต์กล่าว.