เอาให้จบตรงนี้ก่อน...ยังมีแรงกระเพื่อมเป็นระยะๆ ถ้ายังไม่จบกระบวนการในการประกาศรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ เพราะแม้แต่พลังประชารัฐพรรคแกนนำก็ยังป่วนไม่น้อยหรือพรรคขนาดจิ๋ว ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบดีอยู่ พอพรรคใหญ่ พรรคขนาดกลางชิงเก้าอี้กันอุตลุดเลยกระโดดร่วมวงด้วย1 เสียงย่อมมีค่าในรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอย่างนี้ล่าสุด ดูเหมือนว่ารายชื่อรัฐมนตรีของแต่ละพรรคได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไปเรียบร้อยแล้วรอว่าจะจิ้มชื่อใครคงต้องลุ้นกันต่อไปในท่ามกลางการตบตีกันเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีปรากฏมีข่าวที่น่าสนใจไม่น้อยคือ พล.อ.ประยุทธ์ จะลอกคราบตัวเอง เพื่อเข้าสู่ความเป็นนักการเมืองเต็มตัวคือจะไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะไปเป็นประธานที่ปรึกษาพลังประชารัฐเรื่องนี้แม้จะยังไม่มีการยืนยันชัดเจน เพราะคนหนึ่งได้แค่ยิ้มๆ อีกคนบอกไม่รู้เรื่องแถมหยอกๆด้วยว่าข่าวนี้หลุดมาได้อย่างไรนั่นก็แสดงว่ามีความเคลื่อนไหวจริงๆ แต่จะไปถึงขั้นไหนอย่างไรอีกไม่นานคงได้รู้กันว่าจะใจถึงพึ่งได้หรือไม่“เป็นได้ แต่จะต้อง...คิดให้ดี”นายวิษณุ เครืองาม มือกฎหมายของรัฐบาลกล่าวถึงเรื่องนี้ ซึ่งน้ำคำน่าจะมีความห่วงใย เพราะรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเหมือนเป็นหัวหน้า คสช. ที่มีกองทัพหนุนหลังจึงต้องมีความพร้อมในทุกๆด้านว่ากันว่าเหตุและปัจจัยที่จะนำไปสู่ตรงนั้นได้ก็คงมาจากปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นรูปแบบการเมืองอย่างหนึ่งคนที่มีอำนาจไม่ใช่คนในพรรคแต่เป็นคนข้างนอกอย่างผู้มีบารมีนอกพรรค นายกฯ ก็มาจากคนนอกไม่ใช่ คนในพรรค ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ล้วนสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก เพราะต้องพึ่งพากันในหลายเรื่องเช่นกันในพลังประชารัฐที่มีนักการเมืองหลายสาแหรกมาอยู่รวมกัน ความเป็นมุ้งความเป็นกลุ่มจึงเกิดขึ้นที่ปฏิเสธไม่ได้เป้าหมายร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งคือต้องเอาชนะ “ทักษิณ” ให้ได้ที่สุดก็สามารถเอาชนะได้ด้วยการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รวบรวมเสียงจนอีกฝ่ายต้องไปเป็นฝ่ายค้านแต่ที่สุดก็เกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นมาให้เห็นตั้งแต่การเจรจากับพรรคการเมืองอื่น เพื่อให้เข้าร่วมรัฐบาลกับว่าไปกันละทางสองทางแม้จะเจรจากันจนจบไปแล้ว แต่ก็เกิดปัญหาเนื่องจากโควตากระทรวงระดับเกรดเอกลับถูกยกให้พรรคอื่นไปคนในพรรคที่จับจองกันมาก่อนหน้านี้ก็เลยอด เกิดอาการไม่ค่อยพอใจ เพราะเสียท่าเขาไปแล้วก็เลยต้องมาแย่งชิงกันเองกว่าจะลงตัวได้ก็เสียหายไปพอสมควรถึงขั้นที่ว่า “กินใจ” กันจนยากที่จะประสานได้ในระยะเวลาสั้นๆที่มาของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะไปเป็นหัวหน้าพรรคก็น่าจะเป็นเหตุมาจากเรื่องนี้ เพราะต้องการที่จะคุมให้อยู่หมัดไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในหรือไม่ก็พวกแวดล้อมที่หวังจะมีอำนาจในพรรคเลยดัน “นาย” ไปให้สุด.“สายล่อฟ้า”