เกือบ 1 เดือนมาแล้วนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศที่มีโอกาสนั่งเรือล่องเจ้าพระยายามราตรี นอกจากจะตะลึงและประทับใจกับ ความงามอันสุดบรรยายของไอคอนสยามแล้ว... เมื่อนั่งเรือต่อไปเรื่อยๆจนถึงสะพานพระราม 9 ก็ยังจะตื่นตา ตื่นใจขึ้นมาอีกคำรบหนึ่งเมื่อพบว่าอาคารสูง 42 ชั้น หรืออาคาร สำนักงานใหญ่ของ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank ซึ่งตั้งตระหง่านเคียงคู่กับ “สะพานขึง” ที่ชาวบ้านมักเรียกว่า “สะพานแขวน” มากว่า 20 ปี ก็พลอยมีสีสันสวยสดงดงามปรากฏเป็นภาพผืนป่าใหญ่ และสัตว์ป่านานาชนิด ก้าวเดิน ไปมาเต็มผนังกระจกของตึกระฟ้าหลังดังกล่าวผนังทั้ง 4 ด้านของอาคารแห่งนี้เป็นกระจก 2 ชั้น มีพื้นที่รวมกันทั้งสิ้นกว่า 27,000 ตารางเมตร นับจากฐานล่างขึ้นไปจนถึงยอดสูงสุด และ ณ ปัจจุบันนี้ผนังทั้ง 4 ด้านได้กลายเป็นจอภาพขนาดยักษ์สำหรับฉายภาพของป่าดงดิบเขียวขจี พร้อมด้วยสัตว์ป่านานาชนิดที่วิ่งและเดินไปมาอย่างมีชีวิตชีวาและมีความสุขตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวันเรียกความสนใจจากผู้ที่ขับรถขึ้นสะพานพระราม 9 หรือที่นั่งเรือท่องเที่ยวล่องเจ้าพระยามาในบริเวณนี้เป็นอย่างยิ่ง ดังที่เกริ่นไว้ในตอนต้นขณะเดียวกันก็เกิดคำถามขึ้นในใจของผู้ที่มีโอกาสพบเห็นว่าเหตุใด ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นธนาคารทันสมัยต้นตำรับ “รี-เอ็นจิเนียริ่ง” และ “อี-แบงก์กิ้ง” จึงหันมาฉายภาพสวนป่าและสัตว์ป่าดังกล่าวขึ้นรอบๆผนังตึกทั้ง 4 ด้านของอาคารสำนักงานใหญ่ของตนเอง?ทีมงานซอกแซกก็อดฉงนฉงายมิได้เช่นกัน จึงได้สอบถามไปยังผู้บริหารระดับสูงหลายรายของธนาคาร ตลอดจนฝ่ายประชาสัมพันธ์ จนในที่สุดก็ได้คำตอบมาฝากท่านผู้อ่าน ดังต่อไปนี้คงจะจำกันได้เมื่อหลายปีก่อน คุณ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย ที่หลงใหลในเสน่ห์ของจังหวัดน่าน จนถึงขั้นขอย้ายตนเองไปเป็นพลเมืองของที่นั่น และได้พบว่าจังหวัดเล็กๆที่อยู่ภาคเหนือของประเทศไทยจังหวัดนี้เป็น “ต้นน้ำ” ที่สำคัญยิ่งของประเทศไทยจากแม่น้ำ 4 สาย ปิง วัง ยม น่านที่ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยานั้น ปริมาณน้ำถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของลุ่มเจ้าพระยามาจาก แม่น้ำน่าน ของจังหวัดน่านนั่นเองแต่ ณ ปัจจุบันป่าไม้ในจังหวัดน่านถูกทำลายอย่างรวดเร็ว กลายเป็นภูเขาหัวโล้น กลายเป็นป่าเสื่อมโทรมไปกว่า 1.8 ล้านไร่ หรือเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ของป่าสงวนของจังหวัด ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อลำน้ำน่านอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรจะเกิดขึ้นแก่ลุ่มเจ้าพระยาหากว่าแม่น้ำที่มีส่วนในการส่งน้ำมาให้ถึง 40เปอร์เซ็นต์ จะต้องแห้งเหือดลงระหว่างไปพำนักที่จังหวัดน่าน คุณบัณฑูรเขา แวะไปที่ลำน้ำน่านบ่อยครั้ง พร้อมกับถามตัวเองว่าเขาควร จะทำอะไรสักอย่าง เพื่อแม่น้ำ สายนี้หรือไม่?จะอยู่เฉยๆอย่างไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้มีการตัดไม้ทำลายป่าต่อไป หรือว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงป่าให้กลับมา ดึงความชุ่มชื้นให้คืนมาเพื่อให้แม่น้ำน่านยังคงเป็นแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ สามารถป้อนน้ำให้แก่แม่น้ำเจ้าพระยา ไปตลอดกาลนานบัณฑูรตัดสินใจเลือกที่จะทำอย่างหลัง คือลุกขึ้นมาเพื่อหาทางสู้กับการตัดไม้ทำลายป่าน่าน อันเป็นที่มาของการเริ่มโครงการ “รักษ์ป่าน่าน” เมื่อ 5 ปีที่แล้วเขาเริ่มต้นด้วยการระดมความคิด ระดม สมองของผู้คนที่มีความรู้เรื่องป่า รู้เรื่องจังหวัดน่าน ทั้งที่เป็นนักวิชาการ ข้าราชการประจำ ตลอดจนภาคเอกชน และองค์กรเอกชน หรือเอ็นจีโอที่เกี่ยวข้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทรงเป็นประธานในพิธีเปิดสัมนา “รักษ์ ป่าน่าน” ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2558 และทรงบรรยายถึงปัญหาต่างๆด้วยพระองค์เองเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มตกผลึก คุณบัณฑูรก็นำความคิดทั้งหมดเข้าเสนอต่อนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยตนเองและได้รับความเห็นชอบจากนายกฯให้เดินหน้าสู่การปฏิบัติ เกิดเป็นโครงการนำร่องที่เรียกว่า “น่านแซนด์บ็อกซ์” เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมานายกฯประยุทธ์แต่งตั้งกรรมการขึ้น 2 คณะ...คณะแรกเป็น กรรมการด้านนโยบายและกำกับดูแล ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับเป็นประธานด้วยตนเองคณะที่สองคือคณะกรรมการปฏิบัติการ ซึ่งจะลงไปทำหน้าที่ภาคปฏิบัติในพื้นที่จังหวัด น่าน โดยมีประธานร่วม ได้แก่ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะตัวแทนภาครัฐ และคุณ บัณฑูร ล่ำซำ ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน ผู้ริเริ่มโครงการมาตั้งแต่ต้นนายกฯประยุทธ์ลงนามแต่งตั้งกรรมการชุดน่านแซนด์บ็อกซ์ ทั้ง 2 ชุด เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 วันวาเลนไทน์พอดิบพอดีจากวันวาเลนไทน์ปีที่แล้วมาถึงวันวาเลนไทน์ปีนี้ (2562) ผ่านไป 1 ปี คุณบัณฑูรบอกว่า ทุกอย่างคืบหน้าไปมาก มีผู้นำชุมชนถึง 99 ตำบลแล้ว ที่ยอมเข้ามาร่วมมือร่วมทดลองกับโครงการแม้จะยังอีกไกล แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความหวัง ว่าสักวันหนึ่งป่าเมืองน่านจะกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และมีสิงสาราสัตว์เต็มป่าอีกครั้งนั่นคือสิ่งที่คุณ บัณฑูร ล่ำซำ ตั้งใจจะสื่อสารกับผู้คนในกรุงเทพฯถึงความก้าวหน้าของโครงการ รักษ์ป่าน่าน พร้อมกับขอแรงสนับสนุนจากทุกๆฝ่ายที่เห็นภาพสัตว์และป่าไม้รอบผนังกระจกของอาคารสำนักงานใหญ่ KBank ดังกล่าวก็เป็นอันทราบกันแล้วละว่า ภาพสัตว์ป่าทั้งหลายที่ผนังตึกสูง 208 เมตร ของ KBank มีที่มาที่ไปอย่างไร?แต่หลายๆท่านคงอยากทราบว่า “น่านแซนด์บ็อกซ์” คืออะไร มีสาระสำคัญอย่างไรบ้าง?เพื่อให้บันทึกว่าด้วยภาพสัตว์ป่ารอบๆ ตึก KBank จบลงอย่างสมบูรณ์ พรุ่งนี้ขออนุญาตเขียนต่อในคอลัมน์ “เหะหะ พาที” อีกวันนะครับ."ซูม"