ภาพ : (ซ้าย) เมืองเมเดยิน โคลอมเบีย (ขวา) กรุงลาปาซ โบลิเวีย....เมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลกสร้างใช้เครือข่าย “กระเช้าลอยฟ้า”--Cable Car เข้าระบบขนส่งสาธารณะภายในเมืองพื้นที่ประชากรหนาแน่นและการจราจรแออัด ช่วยเร่งขนย้ายผู้คนจากจุด A ไปจุด B ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนับตั้งแต่เมืองเมเดยิน เมืองใหญ่อันดับ 2 ของโคลอมเบีย ประชากรมากกว่า 2.7 ล้านคน ประเดิมสร้างใช้ “กระเช้าลอยฟ้า” เพื่อการขนส่งเคลื่อนย้ายผู้คนจากพื้นที่อาศัยแถบชานเมืองตามเชิงเขาเข้ามากลางเมืองเป็นแห่งแรกของโลกตั้งแต่ปี 2547 ทำให้หลายเมืองใหญ่ของโลกเริ่มสร้างเลียนแบบอย่างแพร่หลาย จนถูกเรียกขานยกย่อง “ระบบขนส่งมวลชนอนาคตสังคมเมือง” “ระบบรถกระเช้าลอยฟ้า” ไม่จำเป็นต้องผูกติดสร้างอยู่ในพื้นที่ขึ้นลงภูเขาหรือเหมาะแค่สร้างเคลื่อนย้ายผู้คนหรือสิ่งของข้ามแม่น้ำ แต่ระบบรถกระเช้าลอยฟ้าสร้างง่ายกลางพื้นที่การจราจรหนาแน่น สร้างได้รวดเร็ว ใช้พื้นที่จำกัดและราคาประหยัดมากกว่าการสร้างอุโมงค์ สร้างสะพานหรือสร้างระบบรถไฟใต้ดินมากมายหลายเท่าตัวผลพลอยได้ของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเมืองเมเดยินได้รับหลังเปิดใช้ระบบรถกระเช้าลอยฟ้าคือ คดีจี้ชิงปล้นทรัพย์ผู้คนลดลงอย่างมาก เพราะผู้คนแถบนอกเมืองเข้ามาหางานทำในเมืองได้มากและสะดวกขึ้น เพราะเดินทางเข้าเมืองจากเคยใช้เวลานานมาก 1 ถึง 2 ชั่วโมง เหลือเพียงไม่ถึง 20 นาทีธนาคารโลกศึกษาระบบการสร้างใช้ “กระเช้าลอยฟ้า” ระยะทางเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2.7 กม. สร้างสถานีผู้คนขึ้นลงทุกๆ 800 เมตร การเดินทางแบบต่อเนื่องด้วยความเร็วราว 10-20 กม.ต่อชั่วโมง ศักยภาพการขนส่งผู้คนเฉลี่ยราว 2,000 คน ต่อชั่วโมง ต่อ 1 เส้นทาง ระบบ “กระเช้าลอยฟ้า” ยาวที่สุดของโลกอยู่ที่กรุงลาปาซ เมืองหลวงโบลิเวีย ระยะทางทั้งหมดกว่า 16 กม.ศักยภาพเคลื่อนย้ายผู้คนต่อวันมากกว่า 65,000 เที่ยว ส่วนระบบ “กระเช้าลอยฟ้า” ของกรุงโบโกตา เมืองหลวงโคลอมเบีย ระยะทาง 3.5 กม. ศักยภาพขนส่งผู้คน 3,600 คนต่อชั่วโมง กระเช้าลำเลียงผู้คนสูงสุดคราวละ 35 คน ทั้งสามารถบรรทุกจักรยานหรือรถเข็นเด็กและเก้าอี้ล้อเข็นได้ด้วยและค่าโดยสารเฉลี่ยแค่เที่ยวละ 23 บาท เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเงินเดือนชาวโคลอมเบียราว 8,000 บาทแต่ปัญหาการสร้างใช้ “กระเช้าลอยฟ้า” ตามเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลกมักหนีไม่พ้นถูกต่อต้านด้วยข้อกล่าวหา “ทัศนะอุจาด”.....อานุภาพ เงินกระแชง