นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของมาเลเซียคือ ฮุสเซน บิน ดาโต๊ะ ออน เป็นระหว่าง พ.ศ. 2519-2524 เป็นลูกของผู้ก่อตั้งพรรคอัมโน จึงได้เข้าร่วมพรรคนี้แล้วก็ไต่จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่สร้างความสามัคคีระหว่างเชื้อชาติจนได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งความเป็นเอกภาพนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 คือ ตุน นายแพทย์ มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด เป็นระหว่าง พ.ศ.2524-2546 นานถึง 22 ปี พ่อของท่านมีเชื้อสายอินเดีย แม่มีเชื้อสายมาเลย์ ชีวิตในวัยเด็ก ดร.มหาธีร์ต้องขายกล้วยทอดและขนมเพื่อประทังชีวิต สู้ชีวิตจนเข้าวิทยาลัยการแพทย์คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ของสิงคโปร์ได้ ตอนเรียนชอบทำกิจกรรม เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทม์ โดยใช้นามปากกาว่า Che Det เป็นประธานชมรมมุสลิม ตอนหลังลาออกจากราชการและสมัครเข้าพรรคอัมโน จากนั้นก็เริ่มทำการเมืองอย่างจริงจังดร.มหาธีร์เป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2507 พอเกิดเหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2512 ดร.มหาธีร์ก็เขียนจดหมายวิพากษ์วิจารณ์ตนกู อับดุล เราะห์มาน ปุตรา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเรื่องที่ไม่สามารถดูแลสถานการณ์ได้ พรรคอัมโนจึงออกมติขับ ดร.มหาธีร์ออกจากพรรค ต่อมา ดร.มหาธีร์เขียนหนังสือชื่อ The Malay Dilemma อธิบายสาเหตุการจลาจล เล่าถึงความด้อยทางเศรษฐกิจของชาวมาเลย์ที่ไม่พอใจคนจีนที่อพยพมาทีหลังในหนังสือเล่มที่ว่า ดร.มหาธีร์เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยการช่วยเหลือคนมาเลย์ให้มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อ พ.ศ.2513 หนังสือเล่มนี้ถูกห้ามพิมพ์และจำหน่าย แต่พอถึงยุคของรัฐมนตรีคนที่ 2 ข้อเสนอมากมายหลายอย่างในหนังสือ The Malay Dilemma กลับถูกนายกฯ นำมาใช้ ซึ่งนายกฯตุน อับดุล ราซัค (พ่อของอดีตนายกฯนาจิบ) ได้เอามาใช้เสนอนโยบายเศรษฐกิจใหม่เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างชาวมาเลย์และคนมาเลเซียเชื้อชาติอื่น7 มีนาคม พ.ศ.2515 ดร.มหาธีร์ได้กลับเข้าร่วมพรรคอัมโนอีกครั้งหนึ่ง และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2516 (วุฒิสภา Senate หรือ Dewan Negara หรือสภาประเทศ มีสมาชิก 70 คน 26 คนมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม อีก 44 คนมาจากการสรรหาและแต่งตั้งโดยประมุขของรัฐ วาระ 3 ปี) ปีต่อมา ก็ลาออกไปสมัคร ส.ส.และชนะเลือกตั้ง ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการเมื่อนายกฯคนที่ 3 ลาออกเพราะปัญหาสุขภาพ ดร.มหาธีร์ก็ได้เป็นนายกฯคนที่ 4 เมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2524ตอนเป็นนายกฯ ดร.มหาธีร์มีความเด็ดขาดในการบริหารประเทศ พวกตะวันตกมักจะตะโกนก้องร้องด่าว่ามาเลเซียไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ ดร.มหาธีร์ใช้กฎหมายความมั่นคงภายในไปจับคนที่รัฐบาลคิดว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงโดยไม่ต้องมีการไต่สวน ผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยินเรื่องที่ว่า ดร.มหาธีร์ใช้ Internal Security Act หรือ ISA จับกุมคุมขังคู่แข่งทางการเมือง สื่อมวลชนยัดคุกเป็นจำนวนมาก ใครวิจารณ์ ดร.มหาธีร์ เป็นต้องโดนจับสมัยก่อน รัฐธรรมนูญมาเลเซียให้สิทธิคุ้มครองบรรดาราชวงศ์ต่างๆ กษัตริย์มีพระราชอำนาจยับยั้งกฎหมาย ดร.มหาธีร์เป็นคนริเริ่มให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกสิทธิคุ้มครองพวกราชวงศ์มาเลเซียทั้งหมด แล้วก็ลดพระราชอำนาจของกษัตริย์ลง ก่อนหน้านั้น ร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านรัฐสภามาแล้วจะต้องได้รับการรับรองจากกษัตริย์ ถึงจะเอาไปใช้บังคับได้ดร.มหาธีร์ให้ ส.ส.ของกลุ่มพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (ที่มีพรรคอัมโนเป็นแกนนำ) แก้รัฐธรรมนูญ ลดพระราชอำนาจกษัตริย์ในการยับยั้งกฎหมาย กฎหมายที่ผ่านสภามาแล้วครบ 30 วันก็ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันที ไม่ต้องรอให้กษัตริย์ทรงเห็นชอบแล้ว ในยุคของ ดร.มหาธีร์ กฎหมายต่างๆ จึงออกมาได้อย่างฉับไว ทำให้ประเทศพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากดร.มหาธีร์มีนโยบายเศรษฐกิจเชิงชาตินิยม มีการตั้งบริษัทของประเทศเพื่อผลิตสินค้าสำคัญ เช่น บริษัทโปรตอนที่ผลิตรถยนต์ มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงสายเหนือ-ใต้ ตึกเปโตรนาส สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เขื่อนบากุน ฯลฯเรื่องการเมืองมาเลเซียยังไม่จบ ต้องมาว่าต่อวันพรุ่งนี้ครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comการเมืองมาเลเซีย (1)