โพลยี้ตั้งพรรคหนุนบิ๊กตู่คสช.แจงคำสั่ง ม.44 คลายล็อกพรรคการเมือง เจตนาให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงตัวตน อัดข้อมูลเลอะเทอะกว้านซื้อตัวอดีต ส.ส. ปชป.ซัดเกมสลายพรรคเก่าช้อนตัว ส.ส. เล็งยื่นศาล รธน.สู้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ พร้อมยุสมาชิกฟ้องตีโต้คำสั่งไม่เป็นธรรม พท.ฉะคำสั่งเหลื่อมล้ำเอื้อพรรคใหม่หนุนทหาร หนึ่งในขบวนการสืบอำนาจ ส่อยื้อเลือกตั้งไปกลางปี 62 “สมชัย” แนะพรรคใหญ่ให้ยอมเล็กเอาตัวรอดคำสั่ง คสช. “ปริญญา” ชี้อาจต้องดิ้นตั้งพรรคใหม่ โพลไม่เห็นด้วยตั้งพรรคหนุน “บิ๊กตู่” รีเทิร์นนายกฯ บุคคลแห่งปี “ตูน” คะแนนทิ้งขาดนายกฯกรณีหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 คลายล็อกกฎหมายลูกพรรคการเมือง ในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินการ ทางธุรการของพรรคการเมือง ท่ามกลางเสียงท้วงติงจากบรรดานักการเมืองโดยเฉพาะพรรคใหญ่ มองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคที่จะตั้งขึ้นใหม่ ขณะที่พรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมอ่อนแอลงนั้นคสช.แจงเจตนาให้ ปชช.มีส่วนร่วมเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ตามที่ คสช.ได้มีคำสั่งที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ลงวันที่ 22 ธ.ค.2560 สาระสำคัญของคำสั่งดังกล่าว ระบุถึงการผ่อนคลายการดำเนินกิจกรรมให้พรรค การเมือง ทั้งพรรคเดิมและพรรคที่จะจัดตั้งใหม่ แบ่งเป็น 4 ห้วงระยะเวลา คือ 1.ตั้งแต่ออกคำสั่งฉบับนี้จนถึง 1 มี.ค.2561 2.ตั้งแต่ 1 มี.ค.2561 จนถึง 1 เม.ย. 2561 3.ตั้งแต่ 1 เม.ย.2561 จะเป็นการปลดล็อกใหญ่ 4.การปลดล็อกด้วยการยกเลิกคำสั่งและประกาศ คสช.ฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งโดยเสรี สำหรับ การทำกิจกรรมหรือกระบวนการต่างๆ ในแต่ละห้วงเวลา ที่มีบุคคลหลายกลุ่มออกมาแสดงความเห็นอย่างกว้างขวางนั้น คสช.มีเจตนาให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งการแสดงตัวตน การบริจาคเงิน เพราะที่ผ่านมาประชาชนส่วนหนึ่งไม่ได้บริจาคเงิน ไม่ได้แสดงตนด้วยตัวเอง ในเมื่อนักการเมืองต้องการจะช่วยปฏิรูปประชาธิปไตย ทำให้ เกิดความโปร่งใสจริง ก็น่าจะยอมรับได้ หากอ้างว่าทำให้เกิดความยุ่งยาก อาจทำให้สังคมผิดหวังข้อมูลเลอะเทอะกว้านซื้ออดีต ส.ส.พล.ต.ปิยพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า กลุ่มผู้มีอำนาจเริ่มทาบทามซื้อตัวอดีต ส.ส.ไว้รองรับการตั้งพรรคใหม่ว่า คสช.และรัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนในการขับเคลื่อนประเทศ เราคงไม่ไปทำอะไรนอกลู่นอกทาง เกินอำนาจหน้าที่ ผิดไปจากกรอบกฎหมาย ส่วนใครจะออกมาพูดอะไร คสช.ต้องตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร จริงเท็จแค่ไหน เพราะจะต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน ในบรรยากาศที่ต้องการสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ แม้ว่าบางครั้งจะมีใครพูดพาดพิง คสช. เราก็ไม่ได้ไปตอบโต้อะไร และเมื่อความจริงปรากฏ อะไรที่ไม่จริง ผิดเพี้ยน เป็นการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ไม่มีน้ำหนัก ทุกอย่างจะคลี่คลายหายไปเองในที่สุด ปชป.ยุสมาชิกพรรคฟ้องตีโต้คำสั่งที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมืองว่า เจตนาของคำสั่งดังกล่าวคือ ให้รีเซ็ตสมาชิกพรรค การเมืองทั้งหมด ที่ต้องท้วงติงเรื่องนี้เพื่อความถูกต้อง ปกป้องสิทธิของสมาชิกพรรคการเมือง เพราะคนเหล่านี้เป็นสมาชิกโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 2.8 ล้านคน ที่มีความผูกพันกับพรรคมานาน ดังนั้น หากสมาชิกพรรค การเมืองใดเห็นว่าคำสั่งนี้ไม่เป็นธรรมก็มีสิทธิเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อถ่วงดุลผู้มีอำนาจในขณะนี้ เพราะคำสั่ง คสช.ไม่ได้อยู่เหนือความถูกต้อง จึงต้องสื่อสารให้เห็นว่าความน่ากลัวของผู้มีอำนาจคือการใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้หลักผิดชอบ ความเป็นธรรม ไม่ฟังคำท้วงติงจากหลายฝ่ายพึ่งศาล รธน.สู้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์“ผมพูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูประเด็นข้อกฎหมายในนามส่วนตัวไม่ใช่ในนามพรรค เห็นว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 26 ที่สามารถเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ตามช่องทางในรัฐธรรมนูญมาตรา 213 แม้ว่าคำสั่ง คสช.ยังมีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ตรวจสอบไม่ได้ การต่อสู้ครั้งนี้จะแพ้ไม่เป็นไร เพราะเป็นการต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม เพื่อแสดงให้เห็นถึงการปกป้องสมาชิกพรรคที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม” นายราเมศกล่าวเกมทุบพรรคเก่าเปิดคอกช้อน ส.ส.นายประมวล เอมเปีย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกแปลกใจกับคำสั่งคลายล็อกแอบแฝงหวังผลทางการเมืองครั้งนี้ เพราะมีธงเดิมที่จะรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองอยู่แล้ว งานนี้ถือว่าเข้าเป้าของผู้มีอำนาจที่ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัวคือ 1.สานต่อเป้าหมายที่จะบอนไซพรรคการเมืองเดิม ทำให้มีขนาดเล็กลง อ่อนแอลง โดยการรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองเก่าทุกพรรค 2.นอกจากจะสลายสมาชิกพรรคเก่าแล้ว ก็จะรวมไปถึงอดีต ส.ส.ของพรรคการเมืองนั้นๆด้วย ส่งผลให้กลุ่มทุน ฐานอำนาจใหม่ที่จะก้าวสู่วงการเมืองด้วยการตั้งพรรคใหม่ เข้าไปตกปลาในอ่าง ซื้อตัวอดีต ส.ส.ให้ย้ายสังกัดโดยไร้ข้อครหา 3.เมื่อจะตกปลาในอ่างเพื่อน แต่ยังไม่พร้อม ทั้งด้านการตั้งพรรคใหม่ ตัวผู้สมัคร ฐานเสียง และปัจจัยอื่น ก็ต้องยืดเวลาในการจัดการเลือกตั้งออกไปก่อน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อโรดแม็ปการเลือกตั้งของรัฐบาลที่วางเอาไว้ในเดือน พ.ย.2561 ใช่หรือไม่ ปลอบสมาชิกพรรคอย่าเสียขวัญนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การใช้มาตรา 44 แก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง รีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองเดิมนั้น ไม่เหนือความคาดหมายในยุคที่การเมืองไม่ปกติ ประวัติศาสตร์สอนมายาวนานและซ้ำรอยเดิมเสมอ ตนจึงขอฝากบอกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศว่าไม่ต้องขวัญเสีย พรรคประชาธิปัตย์ยังมีอุดมการณ์มั่นคง 10 ข้อเหมือนเดิม เรามุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ รับใช้ประชาชน พวกเราต้องอดทนและจับมือกันฝ่าฟันไปให้ได้ ทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมามันคือโอกาสที่จะทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์เข้มแข็งต่อไป ขอให้กำลังใจสมาชิกพรรคทุกคน และมาช่วยกันทำงานเพื่อให้พรรคเข้มแข็ง มีศักยภาพรับใช้ประชาชนได้เต็มที่พท.จวกบ่อนทำลายพรรคเก่านายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีการใช้มาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เห็นชัดเจนว่ามุ่งช่วยพรรคที่จะเกิดขึ้นใหม่ พรรคสืบทอดอำนาจให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ส่วนพรรคเก่าต้องสาละวนกับการแก้ปัญหาสมาชิกที่มีอยู่แล้ว สร้างความยุ่งยากไม่เข้าใจ ในที่สุดก็ขาดจากสมาชิก เป็นการรีเซ็ตสมาชิกพรรคทางอ้อม จึงไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเป็นการทำลายพรรคการเมืองเดิม ในขณะที่พรรคใหม่สมาชิกไม่ต้องแสดงหลักฐานอะไร อาจเกิดปรากฏการณ์ที่ผู้สมัคร ส.ส.อาจย้ายพรรคได้โดยไม่ต้องลาออกจากพรรคเดิม พรรคเดิมอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพียงรอเวลาให้พ้นวันที่ 30 เม.ย.61 จึงเห็นว่าเป็นคำสั่งที่โหดร้าย ซ่อนเงื่อน มีเจตนาที่จะทำลายพรรคการเมืองเดิม สร้างความได้เปรียบให้พรรคใหม่คำสั่งเหลื่อมล้ำเอื้อพรรคใหม่นายชูศักดิ์กล่าวด้วยว่า คำสั่งดังกล่าวอนุญาตให้พรรคที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่สามารถดำเนินการทางธุรการในการจัดตั้งพรรคการเมืองได้ จัดประชุมได้โดยขออนุญาตต่อ คสช. ในขณะที่พรรคเก่าประชุมใดๆ ไม่ได้ จึงกระทบต่อพรรคที่มีอยู่เดิมอย่างรุนแรง ไม่ใช่การสร้างความเท่าเทียมกันดังที่อ้าง แต่สร้างภาระอย่างไม่มีเหตุผล คำสั่งนี้จะสร้างความสับสนอลหม่านให้แก่พรรคและสมาชิก โดยเฉพาะพรรคที่มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก ซัพพอร์ตพรรคหนุนทหารนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ที่ให้สมาชิกพรรค เดิมที่กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกในระยะเริ่มแรกระยะหนึ่ง ต้องมาแสดงตนและจ่ายค่าสมาชิกทันที จะทำให้สมาชิกพรรคการเมืองเดิมหายไปจำนวนมาก เพราะทั้งพรรคการเมืองและสมาชิกเดิมจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายทันที เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผล สวนทางกับความต้องการให้ พรรคการเมืองเป็นพรรคมหาชน กรณีเช่นนี้มีเจตนาแอบแฝงเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองใหม่ ที่ประกาศตัวจะสนับสนุนทหารหรือไม่ น่าประหลาดใจที่มาออกคำสั่งเช่นนี้ เพราะกฎหมายเดิมร่างโดย กรธ. และ สนช.ที่ คสช.ตั้งมา ผ่านกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน หากจะแก้ไขก็ต้องใช้ขั้นตอนปกติ ไม่ควรใช้อำนาจพิเศษมาแก้ ที่สำคัญไม่มีเหตุฉุกเฉินอะไร ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะ คสช.ไม่ยอมปลดล็อกเอง “อ๋อย” อัดปูทางสืบทอดอำนาจนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 1.คำสั่งนี้ไม่ใช่คำสั่งปลดล็อกพรรคการเมือง แต่เอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ ทำลายพรรคการเมืองทั้งหลายให้อ่อนแอ ทำลายฐานสมาชิกพรรคให้เหลือน้อยที่สุด 2.คำสั่งนี้จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะมีการเลือกตั้งตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากความลักลั่นของกฎหมาย 3.การออกคำสั่งนี้ขัดเจตนารัฐธรรมนูญ เมื่อ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระและ กรธ. พิจารณาว่าเป็นไปตามเจตนาของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองได้ผ่านกระบวนการนี้มาแล้ว แต่กลับมาแก้โดยคำสั่ง คสช.ตามอำเภอใจ และ คสช.ใช้อำนาจแทน กกต.โดยใช้อำนาจจัดให้มีการเลือกตั้งเสียเอง 4.ทำให้เห็นชัดเจนว่าการเลือกตั้งที่ไม่ทราบว่าจะมีขึ้นเมื่อใดนี้ เป็นการเลือกตั้งภายใต้การกำกับแทรกแซงโดย คสช.ตั้งแต่ต้น และไม่มีหลักประกันใดๆว่า คสช.จะไม่แทรกแซงมากกว่าที่ได้ทำไปแล้ว และ 5.การออกคำสั่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดเพื่อให้ คสช.ครองอำนาจต่อเนื่อง เห็นได้จากการเสนอรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมือง รีเซ็ตพรรคการเมือง การตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ และการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ล้วนมาจากกลุ่มคนเดียวกันที่เคยสมคบคิด“วัฒนา” ชี้ไม่มีทางเลือกตั้ง พ.ย.61นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “โกงแบบด้านๆ” การออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ขยายระยะเวลา 180 วัน ที่พรรคการเมืองต้องทำกิจกรรมตามกฎหมายให้แล้วเสร็จ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีสิทธิส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้เริ่มนับจาก 1 เม.ย.2561 เป็นต้นไป ซึ่งจะครบกำหนดประมาณสิ้นเดือน ก.ย.2561 ดังนั้น การเลือกตั้งที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 150 วัน จะเริ่มนับหนึ่งได้ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.2561 จึงไม่มีทางที่จะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.2561 ตามโรดแม็ปของ คสช. ทั้งยังจะทำให้การเลือกตั้งที่มีขึ้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 268คำสั่งโกงโรดแม็ปยื้อไปกลางปี 62นายวัฒนาระบุว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญสองฉบับสุดท้ายยื่นต่อ สนช. เมื่อ 28 พ.ย.2560 ใช้เวลารวม 90 วัน จะต้องเสร็จพร้อมที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งหากเผื่อระยะเวลามากที่สุดตามมาตรา 146 ของรัฐธรรมนูญอีกประมาณ 120 วัน เป็นผลให้ระยะเวลา 150 วันที่จะต้องจัดการเลือกตั้งจะเริ่มนับหนึ่งได้ในราวกลางเดือน ก.ค. 2561 แต่หาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับมีผลเป็นกฎหมายเร็วขึ้นเท่าไร การเริ่มนับหนึ่งก็จะถูกร่นให้เร็วขึ้นตามนั้น คำสั่งหัวหน้า คสช.คือการโกงโรดแม็ปที่สัญญากับชาวโลกและประชาชนไว้ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คนไทยอาจต้องทนอยู่กับรัฐบาลแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน ที่มีสติปัญญาและความสามารถเท่าหางอึ่ง แต่มีความด้านและความกร่างคับบ้านเมืองไปอีกอย่างน้อยถึงกลางปี 2562 หรืออาจจะนานกว่านั้น ถ้ารัฐบาลจะด้านยื้อการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆแบบที่กำลังทำ คำถามคือใครจะทนคสช.จ้องยืดเวลากู้คะแนนนิยมนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี กล่าวถึงกรณี คสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 53/2560 ขยายเวลาการทำกิจกรรมตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า เป็นเรื่องทางเทคนิคที่ คสช.ต้องการจะอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด เพื่อจะทำเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง วันนี้ชัดเจนแล้วว่า คสช.คงต้องลงมาเล่นตามระบบ แต่ก็ต้องวางอะไรไว้ให้เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้องให้มากที่สุด หลายเรื่องทำให้คะแนนนิยมตกลง ดังนั้น ต้องยืดเวลาออกไปเพื่อให้คะแนนตีตื้นกลับมา อย่างไรก็ตาม ได้ข่าวว่า คสช.จะเอากลุ่มนักการเมืองเก่าๆมารวมกัน ตนคิดว่ามันไม่มีอะไรใหม่ และเกรงว่าประเทศเราจะกลับเข้าสู่วังวนเดิมๆอีก วันนี้ปัญหาของประชาชนระดับล่างมีมากขึ้น รวมทั้งการรุกคืบเข้ามาของนายทุนชาวต่างชาติ เป็นห่วงว่าอีกไม่นานคนไทยจะไม่มีแผ่นดินทำกิน เพราะคนระดับสูงมัวแต่เล่นเกมแย่งชิงอำนาจกันมากเกินไปต้องเลือกตั้งภายใต้เงา คสช.วันเดียวกัน ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนจัดเสวนาโต๊ะกลมสาธารณะ ครั้งที่ 2/1 หัวข้อ “บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” ตอน “รัฐธรรมนูญ-การเลือกตั้งครั้งแรกสู่ประชาธิปไตย” โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องการเลือกตั้งยังอึมครึม แม้จะมีรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกเสร็จไปแล้วหลายฉบับ ถ้ามีการเลือกตั้งจะเป็นการเลือกตั้งภายใต้บริบทประชาธิปไตยครึ่งใบภายใต้กำกับของ คสช. และจะเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคเดิมและพรรคใหม่ มีสัญญาณจากคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 และจากคำสั่งดังกล่าวพรรคเก่าจะมีภาระมากขึ้น นายกฯเพิ่งพูดเรื่องการสนับสนุนระบอบ ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม แต่คำสั่งดังกล่าวกลับมีผลตรงกันข้าม ส่วนการเกิดพรรคใหม่ตนไม่แปลกใจ เกือบทุกยุคหลังการยึดอำนาจจะเกิดพรรคใหม่ขึ้นเสมอ ที่นายกฯบอกไม่ตั้งพรรคให้เหนื่อยนั้น คิดว่า นายกฯ พูดจากความรู้สึกจริง เพราะการเป็นนายกฯคนนอก ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรค และขณะนี้มีคนประกาศตั้งพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้เห็นแล้ว กลไกตามรัฐธรรมนูญก็เอื้อให้มีนายกฯ คนนอก นอกจากนี้ ยังมีพรรคใหญ่ที่เกิดขึ้นโดย คสช. ก็คือพรรค ส.ว. 250 คน ได้อีกเพียง 126 เสียง ก็สามารถเป็นรัฐบาลได้แล้วโวยใช้งบแผ่นดินหาเสียงนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ที่ให้สมาชิกพรรค การเมืองต้องยืนยันสมาชิก เป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชน ถือเป็นการรีเซ็ตสมาชิกพรรคโดยอ้อม ไม่เป็นธรรมกับประชาชน เรื่องที่น่าวิพากษ์วิจารณ์ที่สุดตอนนี้คือการใช้งบประมาณแผ่นดินหาเสียง การลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร ที่ทุกครั้งจะมีการถามนำประชาชนว่าจะให้อยู่ต่อหรือไม่ รัฐบาลควรสร้าง ความเชื่อมั่นให้ประชาชน จัดการเลือกตั้งด้วยความเป็นกลางเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย “สมชัย” แนะพรรคใหญ่ยอมเล็กขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวว่า จากคำสั่ง คสช.จะเห็นว่าหลายๆ เรื่องถ้าจะเลือกตั้ง พ.ย.2561 ทำตามประกาศนี้ไม่ได้ ที่น่าสนใจคือข้อ 8 ที่กำหนดว่าถ้า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศใช้ ให้ ครม.รายงาน คสช. เพื่อพิจารณาแก้ไขหรือยกเลิกประกาศ คสช.ที่อาจเป็นอุปสรรคการทำกิจกรรมของพรรคการเมือง หมายความว่าถ้าถึงเวลาใดเวลาหนึ่งจะเรียกประชุมพรรคการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดโรดแม็ปใหม่ได้ เชื่อว่าถ้าเกิดขึ้นขณะที่พรรคการเมืองไม่ได้เตรียมตัว จะทำให้มีพรรคการเมืองเล็กบอกในที่ประชุมว่าทำไม่ทัน ขอเลื่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจะไม่ทำให้ คสช.เสียหาย เพราะเป็นการขอจากพรรค การเมืองเอง ส่วนการรีเซ็ตสมาชิกพรรคไม่รู้สึกว่าพรรคการเมืองเก่าจะเดือดร้อน เพราะสมาชิกพรรคเป็นแค่ตัวเลข พรรคที่จะอยู่รอดได้ในกติกาที่ไร้สาระ หรือกติกาที่เป็นภาระนี้ คือพรรคที่มีสมาชิก 10,000 คน อาจจะมีสมาชิกจังหวัดละ 100 คน สามารถส่งสมาชิกลงเลือกตั้งได้ทุกเขตอยู่แล้ว ด่านแรกในการเลือกตั้ง พรรคการเมืองควรยอมเสียหน้าจากการเป็นพรรคใหญ่ให้เป็นพรรคเล็กที่คล่องตัว และไปสู้ที่นโยบายการเลือกตั้งดีกว่า เรื่องสมาชิกพรรคเท่าที่ดูจะต้องมีการส่งเอกสารยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค และเรื่องที่เกี่ยวข้องกว่า 20 เรื่องต่อสมาชิก 1 คน ที่สำคัญคือพรรคการเมืองมีเวลาแค่ 1 เดือน จึงมองว่าไม่ควรเอาเวลาไปเสียกับเรื่องเหล่านี้อาจต้องตั้งพรรคใหม่หาทางรอดนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ดังกล่าว หากพรรคใดมีสมาชิกมากก็จะมีภาระมาก เพราะหากมีการตอบกลับไม่กี่คนจากสมาชิกทั้งหมด จะถูกครหาว่าสมาชิกที่เหลือเป็นสมาชิกเก๊ เรื่องนี้พรรคใหญ่ต้องไปคุยกันว่าจะเอาจำนวนสมาชิกเท่าใด อาจจะเอาแค่ตามที่กฎหมายกำหนดก่อนเพื่อให้ทันการเลือกตั้ง เผลอๆอาจต้องแก้ด้วยการตั้งพรรคใหม่ เพราะการปฏิบัติตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก อีกเรื่องที่น่าสนใจคือการเซ็ตซีโร่ ส.ส.เก่า ล้างไพ่ให้สามารถเปลี่ยนพรรคได้ตามอัธยาศัย เพียงแค่ไม่ส่งหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคก็ย้ายพรรคได้แล้ว เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาเลยหากไม่มีการตั้งพรรคใหม่ที่ประกาศเชียร์ คสช. ถือเป็นเรื่องที่อันตรายในช่วงการเมืองเปลี่ยนผ่าน จะเกิดการแบ่งข้าง ส.ส.ว่าเชียร์คสช.ต้องอยู่พรรคนี้ ไม่เชียร์ คสช.ต้องอยู่พรรคนั้นหรือไม่ ตนเข้าใจว่าการเซ็ตซีโร่ ส.ส.เก่าเป็นทางเลือกของ คสช. แต่ไม่คิดว่าจะเอาจริง โพลไม่เห็นด้วยตั้งพรรคหนุน “บิ๊กตู่”วันเดียวกัน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องประชาชนคิดอย่างไรกับ “การตั้งพรรคการเมืองใหม่” จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 1,174 คน ระหว่างวันที่ 20-23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ร้อยละ 60.57 อยากให้มีพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ เข้ามาทำงาน รู้สึกเบื่อพรรคการเมืองเดิมๆ ทำให้บรรยากาศทางการเมืองคึกคัก ขณะที่ร้อยละ 39.43 ไม่อยากให้มี เพราะมองว่าถึงจะตั้งพรรคใหม่แต่ก็คงเป็นนักการเมืองหน้าเดิม ปัจจุบันก็มีพรรคการเมืองจำนวนมากอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความเหมาะสม หากมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ร้อยละ 53.29 เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ ถูกวิพากษ์-วิจารณ์โจมตี อยากได้นายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนอีกร้อยละ 46.71 ตอบว่าเหมาะสม เพราะมองว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนตั้งใจจริง มีความรู้ความสามารถ เป็นการเข้าสู่ระบบการเลือกตั้งอย่างถูกต้อง มีสิทธิสามารถทำได้เตือน สนช.ต่อวีซ่า ป.ป.ช.ขัด รธน.พล.อ.นคร สุขประเสริฐ อนุกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ สนช.เตรียมให้กรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันทำหน้าที่ต่อจนครบตามวาระเดิมว่า สุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 เพราะนอกจากจะเขียนให้ยกเว้นคุณสมบัติของกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว กมธ.เสียงข้างมากยังได้เติมข้อความให้ยกเว้นลักษณะต้องห้ามด้วย นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่สภาออกกฎยกเว้นลักษณะต้องห้ามเพื่อให้คนเหล่านั้นดำรงตำแหน่งต่อไปได้ เพราะแม้แต่ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินก็ไม่ได้ยกเว้นลักษณะต้องห้าม ปัญหาคือการเขียนกฎหมายแบบเอาลูกไปฆ่าแม่ เอา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญไปยกเว้นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ สุ่มเสียงที่จะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขอให้ สนช.ระวังในเรื่องนี้ด้วย อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังห่วงประชาชนมีส่วนร่วมน้อยลงนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช.ว่า มีประเด็นที่เห็นด้วยคือ ให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับยื่นทรัพย์สินเพื่อแสดงความโปร่งใส นับแต่วันที่เข้ารับราชการ แต่ตัวร่างกฎหมายนี้กลับระบุไว้ว่าให้ถือเป็นความลับในทางราชการจะเปิดเผยไม่ได้ จึงมีคำถามว่า เมื่อต้องการส่งเสริมให้ตรวจสอบโปร่งใส เหตุใดจึงต้องกำหนดให้เป็นความลับ ในส่วนของนักการเมืองที่กำหนดให้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่กำหนดให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลโดยสรุป ไม่ให้เปิดเผยรายละเอียดของทรัพย์สิน แม้จะมีการแก้ไขไปในบางส่วนนั้น หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ จะทำให้การมีส่วนร่วมของประชาชนลดลง ประสิทธิภาพในการป้องกันการทุจริตก็จะลดลงจากกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับเดิมจี้กำหนดวัน ลต.เรียกความเชื่อมั่นน.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ คณะทำงานด้านต่างประเทศพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา รมว.คลังออกมายอมรับว่าภาคเอกชนขาดความ เชื่อมั่น ลงทุนในประเทศน้อยลง และอยากให้เอกชนกลับมาลงทุนในไทย เพราะเกรงจะเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ที่จริงแล้วรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้กับเอกชนไม่ยาก เพียงแค่ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ห้ามพรรค การเมืองทำกิจกรรม แทนการใช้มาตรา 44 อย่างพร่ำเพรื่อ เพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถระบุถึงวันเลือกตั้งที่ชัดเจนได้ ทำให้ภาคเอกชนไม่มั่นใจในการลงทุน ผลกระทบจึงเกิดกับประชาชนโดยตรง ขอให้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพูดคุยกับหัวหน้ารัฐบาลให้เข้าใจว่า การยกเลิกคำสั่ง คสช.เพื่อปลดล็อกและกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจเอกชน ไม่ใช่ติดกับอยู่ในวังวนเดิมๆแบบนี้ ขอรัฐแก้ ศก.เป็นของขวัญปีใหม่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเศรษฐกิจฐานรากที่ยังมีปัญหาอยู่ว่า เชื่อว่ารัฐบาลคงทราบเรื่องนี้ดีว่ายังมีปัญหาอยู่มาก การสำรวจโพลสำนักต่างๆ ช่วงก่อนปีใหม่ออกมาคล้ายๆกัน ส่วนใหญ่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และค่าครองชีพแพง สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลพยายามดำเนินการยังไม่สามารถก่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ประชาชนยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เช่น มาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการออกมาประกาศให้รัฐ วิสาหกิจ และธนาคารของรัฐมุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ก็ยังไม่เห็นรูปธรรมชัดเจน อย่างไร ก็ตาม ขอเอาใจช่วยให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนได้จริง เพื่อเป็นของขวัญ ปีใหม่ให้ประชาชน “ตูน” บุคคลแห่งปีทิ้งห่างนายกฯวันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “บุคคลแห่งปี 2560” จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 1,203 คน ระหว่างวันที่ 20-22 ธ.ค.ที่ผ่านมา 10 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 56.94 ตูน-บอดี้สแลม เพราะมีความเสียสละ ช่วยเหลือสังคม อันดับ 2 ร้อยละ 16.71 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 3 ร้อยละ 2.49 นายทักษิณ ชินวัตร เพราะชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 4 ร้อยละ 1.75 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันดับ 5 ร้อยละ 1.08 เมย์-รัชนก อินทนนท์ เพราะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป อันดับ 6 ร้อยละ 1.00 เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ อันดับ 7 ร้อยละ 0.91 บัวขาว บัญชาเมฆ อันดับ 8 ร้อยละ 0.75 บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ เพราะมีความเสียสละ ช่วยเหลือสังคม อันดับ 9 ร้อยละ 0.58 อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ และไผ่-พงศธร อันดับ 10 ร้อยละ 0.50 ณเดชน์ คูกิมิยะ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ขอรัฐแก้ปากท้อง–พืชผลเกษตรเมื่อถามถึงสิ่งที่อยากได้จากรัฐบาลเป็นของขวัญปีใหม่ 2561 พบว่า ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตร ปัญหาปากท้องของประชาชน การว่างงาน อยากปลดล็อกพรรค การเมืองและมีการเลือกตั้งภายในปี 2561 อยากให้รัฐบาลแจกเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อย แก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ลดปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด มีนโยบายช่วยลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ตามลำดับห่วงรถไฟเร็วสูงเจ๊งแนะเชื่อมจีนนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “รถไฟความเร็วสูง ที่รอคอย” ใจความว่า ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ก็เปิดการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2560 ดีใจที่ท่านนายกฯสามารถทำตามที่ให้ความหวังกับประชาชนคนไทยได้ แต่ยังเป็นห่วงว่าจะมีผู้โดยสารน้อย รัฐบาลต้องแบกภาระ การขาดทุนหนักเป็นเวลานาน จึงควรหาทางทำให้มีผู้โดยสารใช้บริการมากๆ และที่สำคัญจะต้องหาทางทำให้โครงการนี้ได้รับผลประโยชน์ทางอ้อม จึงขอเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ให้เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงนครราชสีมา-หนองคาย โดยจะต้อง ให้จีนร่วมลงทุนด้วย และทำให้จีนพยายามทำทุกวิถีทางไม่ให้โครงการนี้ขาดทุน ขณะเดียวกัน ก็ให้เร่งต่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายนี้เชื่อมกับคุนหมิงของจีน ที่กำลังก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจากบ่อฮานของจีนเข้าสู่บ่อเต็นของลาว แล้ววิ่งผ่านนาเตย อุดมไชย หลวงพระบาง วังเวียง จนถึงเวียงจันทน์ เราก็จะได้เส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกับจีน“บิ๊กฉัตร” ลุยงาน สสส.“พลเมืองตื่นรู้”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สสส.อีกหน่วยงานหนึ่ง ในการมอบนโยบายได้เห็นชอบแผนระบบสื่อและวิถีสุขภาวะทางปัญญา เน้นยุทธศาสตร์ปี 61 สร้าง “พลเมืองตื่นรู้” ใน 3 ประเด็นคือ รู้เท่าทันสื่อยุค 4.0 ฉลาดรู้สุขภาพ และสุขภาวะทางปัญญา เนื่องจากปัจจุบันวิถีชีวิตประชาชนเปลี่ยนไป สื่อยุคดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น มีทั้งสื่อที่เป็นประโยชน์ และสื่อที่เสนอความรุนแรง สำหรับเยาวชนสื่อออนไลน์มีผลค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบทั้งสุขภาพและจิตใจ โดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม สร้างสังคมก้มหน้า ความสัมพันธ์แบบเสมือน และ ไม่รู้เท่าทัน ในปี 61 สสส.จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย เน้นขับเคลื่อนเป็นฐานสู่นักสื่อสารสุขภาวะในกลุ่มวัยต่างๆ สร้างพลเมืองตื่นรู้ที่สามารถใช้สื่อเป็นเครื่องมือนำไปสู่วิถีชีวิตสุขภาวะ เพื่อพลิกมุมมองสังคม โดยเฉพาะเด็กเยาวชนและผู้สูงอายุ