วาสนา เพิ่มลาภ-ปริญญา นาคฉัตรีย์ อดีตประธาน กกต. และอดีตกรรมการ กกต. พ้นคุกแล้ว กรณีศาลฎีกาตัดสินให้จำคุก 2 ปี ตามฐานความผิดกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด หรือกระทำการหรือละเว้นกระทำการโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ เหตุเข้าเงื่อนไขพักการลงโทษ 2 ใน 3 หลังรับโทษมา 1 ปี 6 เดือน 13 วัน อธิบดีคุกเผยทั้งคู่ถูกปล่อยพร้อมนักโทษเด็ดขาด 283 รายที่เข้าเกณฑ์ ขู่ฟ่อ หากฝ่าฝืนข้อห้าม สามารถยกเลิกการพักโทษ นำตัวกลับเข้าเรือนจำจนกว่าจะหมดโทษได้กรมคุกพักการลงโทษ วาสนา-ปริญญา อดีตบิ๊ก กกต. โดยเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อายุ 76 ปี อดีตประธานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) และ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ อายุ 76 ปี อดีตกรรมการ กกต. ได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ ภายหลังศาลฎีกาตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี ในความผิดกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดหรือกระทำการหรือละเว้นกระทำการโดยทุจริต หรือ ประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งคู่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.59 รวมถูกจำคุกมาแล้ว 1 ปี 6 เดือน 13 วัน เป็นไปตามเงื่อนไขพักโทษ 2 ใน 3 โดยทั้ง 2 ราย ยังต้องปฏิบัติตนตามเงื่อนไขการคุมประพฤติของสำนักงานคุมประพฤติ ตามโทษจำคุกที่เหลืออีกเป็นเวลา 5 เดือน 22 วันสำหรับบรรยากาศที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีบรรดาสื่อมวลชนมารอปักหลักทำข่าวจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อยที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ด้วยตัวเอง และมีรายงานข่าวอีกด้วยว่า พล.ต.อ.วาสนาพร้อมนายปริญญาได้รับการปล่อยตัวไปแล้วเมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา ไม่มีรายงานว่ามีญาติของทั้ง 2 คนมารอรับหรือไม่ ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมคณะกรรมการพักการลงโทษ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 3/2561 มีนายวิทยา สุริยะวงค์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุม ที่กรมราชทัณฑ์ พร้อมคณะกรรมการพักการลงโทษจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมคุมประพฤติ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ส. กรมการปกครอง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมสุขภาพจิต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วมพิจารณา“ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้พักการลงโทษนักโทษเด็ดขาด 283 ราย รวมทั้ง น.ช.ปริญญา นาคฉัตรีย์ อายุ 76 ปี และ น.ช.วาสนา เพิ่มลาภ อายุ 76 ปี อดีต กกต.ที่ต้องโทษคดีกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด หรือกระทำการ หรือละเว้นกระทำการโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ทั้งคู่ได้ต้องโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี 6 เดือน 13 วัน โดยทั้ง 2 ราย ต้องปฏิบัติตนตามเงื่อนไขการคุมประพฤติของสำนัก งานคุมประพฤติ ตามโทษจำคุกที่เหลือ เป็นเวลา 5 เดือน 22 วัน” พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวอธิบดีกรมราชทัณฑ์เผยอีกว่า ในปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมา มีผู้ต้องขังที่ขอรับการพักการลงโทษทั้งหมด 4,506 ราย จากทั่วประเทศ และได้รับการ อนุมัติการพักการลงโทษ 2,636 ราย คิดเป็นร้อยละ 57.98 จากผู้ขอรับพักการลงโทษทั้งหมด การพักการลงโทษ ถือเป็นการปลดปล่อยออกไปก่อนครบกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลภายใต้เงื่อนไขคุมประพฤติที่กำหนดการพักการลงโทษ มิใช่สิทธิของผู้ต้องขัง แต่เป็นประโยชน์ที่ทางราชการให้แก่นักโทษ เด็ดขาดที่มีความประพฤติดีมีความก้าวหน้าทางการศึกษา ทำงานเกิดผลดีแก่เรือนจำ หรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ การพักการลงโทษ ถือเป็นการให้โอกาสผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดีจะสามารถ กลับไปดำเนินชีวิตในสังคมได้ก่อนกำหนดต้องโทษต่อมาเวลา 16.30 น. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยอีกครั้งว่า ในส่วนผู้ต้องขัง ที่ได้รับการพักโทษ 283 ราย สามารถปล่อยตัวได้เลยภายในวันนี้ หากเอกสารจากกรมราชทัณฑ์ไปถึง ส่วนใหญ่เป็นเรือนจำที่ตั้งอยู่ภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ใกล้เคียง เพราะเอกสารจะไปถึงเร็ว ส่วนกรณี น.ช.ปริญญา นาคฉัตรีย์ และ น.ช.วาสนา เพิ่ม-ลาภ ได้รับรายงานจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯว่า หลังได้รับเอกสารจากกรมราชทัณฑ์ ได้ปล่อยตัวไปก่อนเวลา 16.30 น.“แต่ทั้งคู่ยังต้องมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติ เดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าจะหมดโทษจำคุกที่เหลืออยู่ เป็นกฎระเบียบผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีการฝ่าฝืนข้อห้ามของกรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ สามารถขอยกเลิกการพักโทษ นำตัวกลับมาเข้าเรือนจำจนกว่าจะหมดโทษได้ เหมือนหลายๆ กรณีที่เคยมีมาก่อนหน้านี้” พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวสำหรับ พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญาถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมาย อาญา ม.157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนกล่าวหาพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.2549 เป็นการฝ่าฝืนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและการวินิจฉัย พ.ศ.2542 กระทั่งหลังวันเลือกตั้งได้ประกาศผลเลือกตั้งอย่างเร่งรีบ ซึ่งจะมีผลให้ทางพรรคไทยรักไทยได้จัดตั้งรัฐบาล โดยศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.59 ให้จำคุกทั้งสองคนละ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี