เรื่องน้ำๆ อย่าให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวใครจะว่าเป็นมโนกันเองก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันมีเค้าลางบอกว่า เป็นไปอย่างนั้น ก็คือเรื่องการเก็บภาษีน้ำจนรัฐบาลถูกถล่มเละไปโดยเฉพาะนักการเมืองทุกค่ายออกมาส่งเสียงกันระงม บ้างก็ตีกันตรงๆ ไม่มีข้อเสนอแนะ บ้างก็เตือนสติคิดก่อนทำเอาเป็นว่า เรื่องนี้มันเหมือนมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเท่าใดนักทำนอง “ยัดไส้” ให้มันเละไปข้าง เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้มันละเอียดอ่อน ซึ่งมีผลกระทบต่อเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็น “ยาขม” ทางการเมืองที่จะทำลายรัฐบาลให้ดับไป ต่อหน้าต่อตาได้ทันควัน...“กูไปสั่งมันตอนไหนวะ”...พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถึงกับเกิดอารมณ์ส่งเสียงผ่านทางไลน์ถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)เช่นกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งรักษาการแทนนายกฯ ถึงกับยืนยันจะไม่นำเรื่องนี้เข้า ครม.อย่างเด็ดขาดพ.ร.บ.ฉบับนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สนช. ซึ่งผ่านวาระแรกไปแล้ว อยู่ในขั้นการแปรญัตติของ กมธ. และมีการแขวนเรื่องการเก็บภาษีน้ำเอาไว้ก่อน โดยมีการแยกการใช้น้ำออกมาเป็น 3 แบบ1.ใช้น้ำเพื่อการดำรงชีพ คือประชาชนทั่วไปไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด2.เพื่อธุรกิจการเกษตร เลี้ยงสัตว์และเพื่อการพาณิชย์ต้องเสียค่าน้ำอัตราลูกบาศก์เมตรละไม่เกิน 50 สตางค์3.กิจการขนาดใหญ่ สนามกอล์ฟ โรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจขายน้ำดิบเชิงพาณิชย์ จะเก็บค่าน้ำลูกบาศก์เมตรละ 3 บาทข้อ 1,3 นั้น ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนมีสิทธิใช้น้ำตามธรรมชาติได้อยู่แล้ว และข้อที่ 3 ก็เช่นกัน เป็นเรื่องการใช้น้ำเพื่อธุรกิจที่ประกอบการด้วยการใช้จำนวนมาก ก็จะต้องจ่ายภาษีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อสังคมแต่กรณีที่ 2 นี่แหละที่เกิดปัญหา ทำให้เกิดความไขว้เขวจนเกิดปัญหาขึ้นมาและไม่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจจนทำให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาแน่ล่ะ หากไปเก็บภาษีน้ำจากเกษตรกร ชาวไร่ชาวนาทั่วไป มันจะยุ่งกันทั้งประเทศแน่ เพราะเคยเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้วในหลายประเทศทางอเมริกาใต้ด้วยการให้เอกชนรับไปบริหารจัดการเก็บภาษี ลำพังแค่คิดเก็บภาษีก็ไม่ควรแล้วแต่เมื่อให้เอกชนเข้ามาดำเนินการก็ยุ่งกันไปใหญ่ เพราะคิดแต่หวังผลกำไรถ่ายเดียว สุดท้ายก็ต้องยกเลิกเพราะอะไรรู้มั้ยครับ...ขืนดันทุรังต่อไป เกิด “สงครามน้ำ” แน่ปัญหาของประเทศไทยในเรื่อง “น้ำ” นั้น ทุกวันนี้มันอยู่ตรงไหน มันอยู่ที่ยังไม่สามารถบริหารจัดการให้เป็นระบบได้ ฝนตกน้ำท่วมก็เอาจริงเอาจัง แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปที น้ำแล้งก็ไม่ต่างกันวันนี้รัฐบาลทำท่าเอาจริงเอาจังจับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ “น้ำ” มาไว้ที่เดียวกัน โดยนายกฯจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง เพื่อให้เกิดการประสานงานและดำเนินการไปในทิศทางเดียวป่านนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า อาจเพียงแค่เริ่มต้นยังไม่ทันเดินหน้าก็เกิดปัญหาเรื่องภาษีน้ำขึ้นมา ไม่รู้เพราะหน่วยงานที่มาแต่ละกระทรวงเล่นอะไรกันหรือไม่ค่อยอยากจะมา เพราะเคยใช้งบกันลำพังสบายๆกันมาก่อนหรือจะอะไรก็ตามผมว่าการตั้งต้นเรื่องน้ำนั้น ก็คือการจัดการระบบน้ำให้มันเข้าที่เข้าทาง ไม่ให้น้ำท่วม ไม่ให้น้ำขาดแคลน นั่นแหละคือหัวใจสำคัญอย่าเพิ่งไปก้าวข้ามขั้น เดี๋ยวยุ่งฉิบหายหรอก...“สายล่อฟ้า”