จังหวะนี้บทบาทสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะเป็นกลไกสุดท้ายที่จะเฉลยธงคำตอบว่า การเลือกตั้งตามโรดแม็ปมีโอกาสเกิดขึ้นตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศย้ำเอาไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่า ภายใน 150 วันต้องดำเนินการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร ให้สะเด็ดน้ำนับแต่กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ร.บ.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มีผลบังคับใช้มาถึงวันนี้กฎหมายสองฉบับแรกฉลุยผ่านด่านนี้ไปแล้ว เหลือเพียงกฎหมายสองฉบับหลังอยู่ในชั้นของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน กรธ. จะส่งร่างกฎหมายลูกตามกรอบเวลา 240 วัน นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ให้ สนช.พิจารณาให้ทันในกรอบเวลา 60 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับร่างกฎหมายลูกแต่ละฉบับหาก สนช.พิจารณาไม่เสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนด ถือว่า สนช.เห็นชอบตามที่ กรธ.เสนอเมื่อที่ประชุม สนช.พิจารณาเสร็จให้ส่งกฎหมายลูกให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องหรือ กรธ.พิจารณา ถ้าศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง หรือ กรธ.เห็นกฎหมายลูกไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้แจ้งให้ประธาน สนช.ทราบภายใน 10 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างกฎหมายลูกนั้นและให้ สนช.ตั้ง กมธ.วิสามัญคณะหนึ่ง 11 คน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและ สนช.และ กรธ.ที่คณะ กรธ.มอบหมาย ฝ่ายละ 5 คนพิจารณาแล้วเสนอต่อ สนช.ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อให้ความเห็นชอบถ้า สนช.มีมติไม่ถึง 2 ใน 3 ให้ถือว่าเห็นชอบถ้ามี “มติไม่เห็นชอบ” ด้วยเสียงเกิน 2 ใน 3 ให้ “ร่างนั้นเป็นอันตกไป”ที่ผ่านมาการพิจารณากฎหมายลูก โดยเฉพาะในส่วนของกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้ง พ.ร.บ.พรรคการเมืองและ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องขับเคี่ยวกันถึงขั้นตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วม ซึ่งสุดท้าย สนช.มีมติเห็นชอบยังไม่มีร่างฉบับใดตกไปวนกลับไปสู่ กรธ.ให้ยกร่างใหม่อีกครั้ง แต่ขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่ามีสัญญาณ สนช.จะคว่ำร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งฉบับใดฉบับหนึ่ง เพื่อเลื่อนโรดแม็ปออกไปอย่างไม่มีกำหนดข้อเท็จจริงเป็นประการใด นายพีรศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า ขั้นตอนการทำงานของ สนช. โดยเฉพาะการพิจารณาร่างกฎหมายทั่วไป และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก ถ้าเป็นร่างกฎหมายทั่วไปที่รัฐบาลเสนอเข้ามา วิปรัฐบาลและวิป สนช.จะหารือกันกฎหมายหลายฉบับที่ออกไป ไปปลดล็อกช่วยชาวบ้าน เช่น กฎหมายทวงหนี้ กฎหมายบางฉบับก็ออกมาลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่บางเรื่อง บางนโยบายก็ขาดการสื่อสารถึงประชาชนฉะนั้นภารกิจเหล่านี้หลังพิจารณากฎหมายลูกครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด สนช.จะวางแผนลงลุยพื้นที่ 77 จังหวัด แบ่งเป็น 8 กลุ่มจังหวัด ในช่วงเดือน ก.พ.61 เพื่อรับฟังและทำความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงผลประโยชน์ของกฎหมายแต่ละฉบับว่าเป็นอย่างไรแม้การออกกฎหมายบางฉบับ เช่น พ.ร.บ.4 ชั่วโคตร ฝ่ายการเมืองมองว่า สนช.พิจารณากฎหมายบนความอคติทางการเมือง แต่จะต้องเข้าใจว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เราต้องเข้าใจที่นักการเมืองมองแบบนั้น แต่ยืนยันว่า สนช.ทำอย่างรอบคอบขณะเดียวกันการออกกฎหมายลูก เป็นเรื่องของ กรธ. สนช.ก็หารือกันมาตลอด เชิญมาพบบ้าง เพื่อทำความเข้าใจ กรธ.ส่งกฎหมายลูกให้ สนช.พิจารณาแล้ว 7 ฉบับประกอบด้วย พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน พ.ร.บ.การตรวจเงินแผ่นดิน พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.บ.พรรคการเมืองเหลือเพียง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ร.บ.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรการพิจารณากฎหมายลูกขึ้นอยู่ที่เจตนารมณ์ของแต่ละฉบับ ทุกอย่างมีเหตุและมีผล หลัง กรธ.ส่งมา สนช.มีกรอบเวลา 60 วัน สนช.ตระหนักตลอดว่ากฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับสำคัญ หากไม่ศึกษาล่วงหน้าก็จะพิจารณาไม่ทันตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้จึงตั้งคณะกรรมการศึกษากฎหมายลูกล่วงหน้า เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กกต. ส่งร่างมาถึง กรธ. สนช.ก็ขอร่างมาศึกษาเป็นคู่ขนานกันไป เพื่อช่วยกันแสดงความเห็น ขั้นตอนการพิจารณามันจะได้รวดเร็วขึ้นหากพบประเด็นใดสมควรจะต้องแก้ไข เราก็ส่งไปให้ กรธ. ถือเป็นการเตรียมความพร้อม หารือล่วงหน้าไปในตัว ไม่ใช่ว่า กรธ.และ สนช.ไม่ได้ปรึกษาหารือกันเลยนอกจาก กรธ.จะไม่ฟัง สนช. อาจจะแค่แก้ไขบ้าง ซึ่งในขั้นสุดท้ายอำนาจทั้งหมดอยู่ที่ สนช.หาก กรธ.รับฟังไปด้วยโอกาสพลิกผันถึงขั้นล้มก็เกิดขึ้นยากโดยเฉพาะเป็นสิ่งที่สังคมหวั่นวิตกว่า สนช.จะพลิกตีตกร่างกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.หรือร่างกฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว.หรือไม่ ซึ่งจะมีผลทำให้โรดแม็ปการเลือกตั้งขยับออกไปอีกหากยึดตามโรดแม็ปการเลือกตั้งจะมีประมาณในช่วงเดือน พ.ย.61ทีมข่าวการเมือง ถามว่า สมมติร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่ผ่าน สนช. ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการยกร่างใหม่ นายพีรศักดิ์ บอกว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดกรอบเวลาเอาไว้ก็จริงแต่ กรธ.มีหน้าที่ร่างใหม่ถึงแม้จะพ้น 240 วันในการร่างกฎหมายลูกครั้งแรก และอาจารย์มีชัยได้ให้ความมั่นใจกับสังคมไปแล้วว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นานในการแก้ประเด็นที่มีปัญหา ไม่ใช่กลับไปยกร่างใหม่ทั้งหมดแม้สังคมและฝ่ายการเมืองได้ตั้งข้อสังเกตว่า กรธ.และ สนช.รู้กันว่ามีประเด็นไหนบ้างที่จะทำให้กฎหมายคว่ำในชั้น สนช. นายพีรศักดิ์ บอกว่า เจ้าของกฎหมาย ฝ่ายที่ยกร่าง และฝ่ายที่เห็นชอบ หากคุยกันรู้เรื่องคงไม่เกิดปัญหา“ผมยังมั่นใจว่าหากสังคมสนใจมากขนาดนี้ กรธ.หรือ สนช.คงไม่เอาศักดิ์ศรีไปเสี่ยง”ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ยกร่างเสร็จใหม่มีโอกาสผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สูงมาก สุดท้าย สปช.สายทหารเดินเกมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวภายในไม่กี่วันโอกาสแบบนั้นจะเกิดกับร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งในชั้น สนช.ได้มากน้อยแค่ไหน นายพีรศักดิ์ บอกว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกคว่ำไปเป็นกฎหมายแม่ เพราะไม่สามารถแก้ไขในบางประเด็นได้แต่ร่างกฎหมายลูกซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติเป็นตัวการันตี ฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากสุดท้ายถึงเวลานั้น สนช.คว่ำร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งฉบับใดฉบับหนึ่งจริงๆจะชี้แจงสังคมอย่างไร นายพีรศักดิ์ บอกว่า สังคมจะต้องโฟกัสมาที่ สนช. เราต้องตอบให้ได้ว่ามีเหตุผลอะไรในการคว่ำร่างหากตอบไม่ได้คงไม่กล้าทำ เขาต้องคิดเหมือนกันทีมข่าวการเมือง ถามว่ามีกระแสข่าวมีใบสั่งคว่ำร่างกฎหมาย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายพีรศักดิ์ บอกว่า ขอยืนยันรัฐบาลไม่เคยมาหารือในเรื่องนี้ไม่มีจริงๆเคยถามท่านประธานพรเพชร ท่านสุรชัย (นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.) ต่างได้รับ คำยืนยันว่าไม่มีจริงๆสมมติกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งถูกคว่ำ สุดท้ายการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นแน่ นายพีรศักดิ์ บอกว่าสุดท้ายจะต้องมีการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ณ เวลานี้ยังมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปหากเป็นไปตามโรดแม็ปก็คงประมาณเดือน พ.ย.61ขอยืนยันว่าไม่มีใบสั่ง.ทีมการเมือง