อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย เฉพาะในด้านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) และ GenAI ซึ่งมีการพัฒนาและการแข่งขันที่ร้อนแรงจากหลายบริษัทชั้นนำจากสหรัฐฯ เช่น Open AI (โอเพ่นเอไอ), Google (กูเกิล), Anthropic (แอนโทรพิก), Meta (เมธา)

ทาง AI ของจีนกำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในระดับโลก จากการพัฒนาเทคโนโลยีที่รวดเร็ว Alibaba (อาลีบาบา), DeepSeek (ดีบซีก), Baidu (ไป่ตู้) และ Tencent (เทนเซนต์) เป็นต้น

การแข่งขันในตลาด AI กำลังขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคต การพัฒนาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง แนวโน้มที่ AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ยังสามารถทำงานได้โดยไม่ต้อง
พึ่งพาทุนมหาศาล ทำให้ AI จะพลิกโฉมโลกในหลายๆด้าน

ภายในปี 2568 นี้ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลง วิธีการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันที่เข้าถึงได้มากขึ้น

สิ่งที่ทำให้ AI เหล่านี้มีความสามารถสูงสุดคือการผสมผสานกับแนวคิดของ Agentic AI (เอเจนต์ เอไอ) ที่ทำให้ระบบเหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างอิสระ โดย Agentic AI ที่ขับเคลื่อนด้วย Gen AI และ LLMs ช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

สามารถดำเนินการต่างๆ ตัดสินใจ และโต้ตอบกับสภาพแวดล้อม แทบจะไม่ถูกการแทรกแซงโดยตรงจากมนุษย์ เช่น ในการทำวิจัย AI สามารถใช้ LLMs ในการประมวลผลข้อมูลจากแหล่งต่างๆ สร้างเนื้อหาหรือสรุปข้อมูลตามคำถามที่ตั้งขึ้น และนำผลลัพธ์ไปใช้ในการตัดสินใจ หรือแม้
กระทั่งดำเนินการในขั้นตอนถัดไป เช่น การส่งข้อมูลให้ผู้ใช้หรือปรับกระบวนการทำงานให้เหมาะสม

ทาง OpenAI ได้เปิดตัวบริการ Operator ซึ่งเป็น Agentic AI ที่ช่วยทำงานต่างๆโดยอัตโนมัติ เช่น การจองที่พัก, ร้านอาหาร, ช็อปปิ้งออนไลน์ และการกรอกแบบฟอร์ม บริการนี้เปิดให้ทดลองใช้สำหรับผู้ใช้ ChatGPT Pro ในสหรัฐฯ ในราคา 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน และในอนาคตจะขยายไปยังผู้ใช้ Plus, Team และ Enterprise

...

บริการ OpenAI Operator ขับเคลื่อนด้วยโมเดลใหม่ที่เรียกว่า Computer-Using Agent (CUA) ซึ่งผสมผสานความสามารถในการมองเห็นจาก GPT-4o และการใช้เหตุผลขั้นสูงผ่านการเรียนรู้ของเครื่องที่เรียกว่า (Reinforcement Learning) โดย CUA สามารถมองเห็นและโต้ตอบกับกราฟิกอินเทอร์เฟซ เช่น ปุ่ม เมนู และช่องข้อความ
โดยใช้การคลิกเมาส์และการพิมพ์คีย์บอร์ด ทำให้สามารถทำงานบนเว็บได้โดยตรง

ในอนาคต OpenAI อาจเพิ่มฟังก์ชันให้ Operator สามารถทำงานได้หลากหลายยิ่งขึ้น การจัดการงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การวางแผนโครงการ การตรวจสอบข้อมูลแบบอัตโนมัติ หรือการทำงานร่วมกับระบบต่างๆ ผ่านการผสานชุดคำสั่ง API ที่หลากหลาย

สำหรับไมโครซอฟท์กำลังพัฒนา AutoGen ซึ่งเป็นโอเพนซอร์ส เพื่อสร้าง Agentic AI ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีการอ้างถึงกำลังพัฒนาบอต Orchestrator ที่จะจัดการและตรวจสอบเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Google DeepMind ได้ใช้เทคโนโลยี Agentic AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบพลังงานของศูนย์ข้อมูลของ Google โดยสามารถลดการใช้พลังงานสำหรับการทำความเย็นได้ถึง 40%

ทางฝั่งจีน อาลีบาบาได้เปิดตัว Qwen-Agent ซึ่งเป็นกรอบงานสำหรับการพัฒนาระบบหลายเอเจนต์โดยใช้ซีรีส์ Qwen จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างเอเจนต์ที่ไม่เพียงแต่เข้าใจคำสั่ง แต่ยังสามารถใช้เครื่องมือ วางแผน และจดจำได้อีกด้วย

ด้วยความสามารถหลากหลาย เช่น การเรียกเครื่องมือ การเขียนโค้ด การสร้างข้อมูลเสริมจากการค้นหาข้อมูล (RAG) และการท่องเว็บผ่าน Chrome ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย

แพลตฟอร์ม DingTalk ได้เปิดตัว AI Agent Marketplace ที่มีตัวแทน AI มากกว่า 200 ราย จากนักพัฒนา ภายนอก มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบริการเฉพาะอุตสาหกรรม

ตัวแทน AI ในตลาดนี้ สามารถตอบสนองข้อความภาษาธรรมชาติและดำเนินการต่างๆ ภายในและภายนอกแพลตฟอร์ม DingTalk เช่น การวิเคราะห์ธุรกิจและการวางแผนการเดินทาง

DingTalk มีผู้ใช้งานมากกว่า 700 ล้านคน และได้อัปเกรด AI Assistant ให้สามารถประมวลผลข้อมูลที่หลากหลาย เช่น รูปภาพ วิดีโอ และข้อความสูงสุด 500 หน้าต่อครั้ง

เช่นเดียวกับ DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพ AI ที่ได้รับความสนใจมากหลังจากเปิดตัวโมเดล R1 ด้วยการเป็นโอเพนซอร์ส โมเดล R1 จึงเปิดให้ใช้โดยนักพัฒนา AI ทั่วไปเพื่อกระตุ้นการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

แนวโน้มที่น่าสนใจของ Agentic AI ที่ตัดสินใจได้อิสระและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ เป็นการตัดสินในนาม ตัวแทนผู้ใช้ ตามโปรแกรมที่กำหนดซึ่งมีความชาญฉลาดอย่างมาก

จากสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้น ยังถูกโยงไปถึงการพัฒนาไปสู่ Artificial General Intelligence (AGI) เป็นการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเข้าใจ เรียนรู้ และทำงานในหลายๆด้านได้เหมือนกับมนุษย์ สามารถแก้ไขปัญหาที่หลากหลายและปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่นในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน

เป็น AI ขั้นสุดกับมีเป้าหมายที่จะจำลองแบบความฉลาดในระดับมนุษย์ ซึ่งสามารถทำงานทางปัญญาใดๆ ก็ตามที่มนุษย์ทำได้ สามารถเรียนรู้ และปรับตัวได้ด้วยตนเอง

ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าการพัฒนา AI ที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์นี้อาจจะเห็น AGI ได้ ภายใน 5 ปีข้างหน้า.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม