เทรนด์ของเทคโนโลยี Generative AI (Gen AI) ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบหนึ่งกำลังร้อนแรง ในทุกแวดวงถูกพูดถึงในวงกว้างว่าจะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในยุคนี้อย่างไร จะใช้ประโยชน์ที่มีมหาศาลนี้กับการใช้เป็นเครื่องมือเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิต การเรียน การทำงานต่อไปได้อย่างไรGen AI นี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่กระแส แต่เป็นเทรนด์ที่ผู้คนทั่วโลกจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝนการป้อนคำถาม ออกคำสั่ง หรือข้อความ (Prompt) ให้ AI ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นลูกน้อง ทำงานให้เราให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เช่นนั้นจะก้าวตามคนอื่นไม่ทันในยุคสมัยของโลกที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วGen AI มีความฉลาดที่สามารถสร้างคอนเทนต์หรือเนื้อหาใหม่ๆ อัตโนมัติได้หลากหลายแบบไม่จำกัด โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์เรา เช่นการสร้างรูปภาพ ข้อความ วิดีโอ เพลง เขียนโค้ด อีเมล เป็นต้น ด้วยความชาญฉลาดที่เรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) จากการเรียนรู้ในระบบโดยไม่ต้องเขียนโค้ด สร้างสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นตามต้องการ Gen AI มีประโยชน์ในหลายด้าน เช่นการสร้างสรรค์เนื้อหา: ช่วยนักเขียน นักดนตรี นักออกแบบ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้สร้างสรรค์เนื้อหาประเภทต่างๆ ในการสร้างผลงานใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูล: ช่วยนักวิเคราะห์ข้อมูลในการค้นหารูปแบบและข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจำนวนมากการบริการลูกค้า: ช่วยธุรกิจในการสร้างบทสนทนาที่เหมือนจริงกับลูกค้า ตอบคำถาม และให้บริการลูกค้าการศึกษา: ช่วยนักเรียนในการเรียนรู้เนื้อหาใหม่ๆ ฝึกฝนทักษะ และพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการที่จะต้องตรวจสอบความถูกต้อง : ผลลัพธ์ที่สร้างอาจไม่ถูกต้องเสมอไปความเป็นอคติ : อาจสร้างผลลัพธ์ที่มีอคติ ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เคยเรียนรู้มาจริยธรรม : อาจเกิดประเด็นด้านจริยธรรม เช่น การสร้างข่าวปลอม หลังจากค่ายกูเกิล เปิดตัว Gemini (จีมิไน) ให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ และปล่อยแอปพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์มือถือผ่านระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยรวบรวม Gen AI ในหลายชื่อเดิมมาไว้ที่เดียวกัน ส่วนค่ายแอปเปิลสามารถใช้ได้ในแอปกูเกิล ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสนใจเข้าไปทดลองใช้กันอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ตลาด Gen AI แม้จะมีผู้ให้บริการหลายราย แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือค่าย OpenAI ที่เปิดตัวจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เปิดตัว DALL-E ซึ่งเป็น AI สามารถทำความเข้าใจกับคำสั่งหรือคำถามจากข้อความเพื่อสร้างเป็นภาพอัตโนมัติได้ จากนั้นได้เปิดตัว Chat-GPT ซึ่งเป็น AI ที่สามารถตอบโต้เป็นบทสนทนาเป็นตัวหนังสือได้รวดเร็ว ปัจจุบันเวอร์ชันล่าสุดเป็น DALL-E และ Copilot Chat-GPT-4 ให้บริการทั้งในรูปแบบใช้ฟรี (จำกัดการใช้งาน และช้า) และชำระเงิน (ใช้ไม่จำกัดและเร็ว) Open AI ได้สร้างความน่าตื่นเต้นและสร้างปรากฏการณ์ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลกเป็นอย่างมาก โดย Chat-GPT มีผู้ใช้งานทะลุ 1 ล้านคนทันทีที่เปิดตัวใน 5 วันแรก และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านคนภายใน 3 เดือน จากการเริ่มต้นใช้ผ่านเครื่องมือสืบค้นข้อมูล Bing ของไมโครซอฟต์ รวมทั้งโปรแกรมอื่นๆสำหรับ Gemini ของกูเกิล เปิดบริการผ่าน Google Search, Google Assistant และ Google Translate รวมทั้งแอปผ่านอุปกรณ์มือถือให้บริการแบบฟรีแก่ผู้ใช้ทั่วไปเพื่อใช้ฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานเช่นแปลภาษา ตอบคำถาม สรุปข้อความ เขียนบทความ แต่งเพลง แต่ไม่สามารถสร้างภาพได้ในขณะนี้ สำหรับผู้ใช้แบบชำระเงิน:เข้าถึงบริการ Gemini ผ่าน API ใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น เขียนโค้ด, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างเนื้อหาต่างๆ รวมไปถึงการใช้งานในเชิงพาณิชย์จากข้อมูลการถาม Gemini ตอบว่า ผู้ใช้งาน Gemini ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์มีจำนวน 10 ล้านคน และเป็นกลุ่มที่ชำระเงิน 1 ล้านคน ใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ 20% สมาร์ทโฟน 60% และแท็บเล็ต 20% ส่วนใหญ่ใช้งานแปลภาษา ตอบคำถามและสรุปข้อความ ทางด้านจุดเด่นระหว่าง 2 ค่ายนี้ Chat-GPT เปิดตัว 1 ปี มีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าสร้างภาพได้ แต่ขนาดโมเดลภาษามี 175 พันล้านพารามิเตอร์ แต่ Gemini มีภาษาโมเดลขนาด 540 พันล้านพารามิเตอร์ และมีความเข้าใจในภาษามากกว่า แต่ทั้ง 2 ค่ายนี้ยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยีไปได้อีกมากโดย Chat-GPT-5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันต่อไปจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความเร็ว ปรับปรุงความสามารถแบบผสมผสาน ความน่าเชื่อเพิ่มมากขึ้นจนไปถึงแอป AI ที่สำคัญๆ เช่น การดูแลสุขภาพ บริการด้านกฎหมาย และการขับขี่แบบอัตโนมัติ เป็นต้นส่วนทางด้าน Gemini ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการแต่คาดหมายกันว่า ขนาดโมเดลภาษาจะใหญ่ขึ้น ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เร็วขึ้น กับความสามารถที่หลากหลาย สร้างภาพได้ การแปลภาษาไม่ต้องใช้พจนานุกรม เขียนเพลง แต่งนิยาย บทละครได้มีคุณภาพ ใช้ภาษาไทยได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นหมายถึง Gen AI กำลังจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่สิ่งที่เราต้องเรียนรู้และปรับตัวที่สำคัญก็คือการใช้งานให้ถูกวิธี ฝึกฝนการออกคำสั่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนำไปใช้หรือนำไปต่อยอดได้ อย่าป้อนเรื่องส่วนตัวให้ AI เพราะระบบจะเก็บข้อมูลไว้ แม้เราจะลบไปแล้วก็ตามอย่างคำเตือนของ Gemini ระบุว่าระบบจะเก็บข้อมูลการสนทนาไว้ 72 ชั่วโมงและเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์นานถึง 3 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงสูงว่าข้อมูลส่วนตัวอาจจะเล็ดลอดออกไปภายนอกได้.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม