ผลกระทบจากมูลค่าหุ้น Meta ของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก ที่ติดลบอย่างรุนแรงเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน หลังจากพบยอดผู้ใช้เฟซบุ๊กในสหรัฐฯและแคนาดาลดลง การที่หุ้นดิ่งลงถึง 26% ทำให้มูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หายไปเกือบ 240,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.91 ล้านล้านบาท ต้องขยี้ตารัวๆกับมูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กที่หายไปจากตลาดหุ้นในเวลาแค่วันเดียว เหตุผลที่มาจากการปรับสถานะโครงสร้างของเฟซบุ๊ก มีการลงทุนไปกับเทคโนโลยีเสมือนจริง VR และ AR สร้าง Metaverse หรือ โลกเสมือนจริงขึ้นมาบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและเร็วเกินไป ประกอบกับเฟซบุ๊กได้ออกกฎเกณฑ์ในการป้องกันตัวเองจากการถูกฟ้องร้องบนแพลตฟอร์มมากเกินไปจนเกิดปัญหาขึ้นกับผู้ใช้งานและมีคู่แข่งที่หันมาปรับแพลตฟอร์มให้รับกับคอนเทนต์ใหม่ๆเป็นที่ถูกใจชาวโซเชียลมากกว่า เช่น ติ๊กต่อก รวมแล้วทำให้คนเข้าไปใช้งานเฟซบุ๊กลดลงและมีผลกับการดำเนินกิจการโดยตรง
นอกจากนี้การเข้มงวดกับการใช้ช่องทาง แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้อื่น การสร้างข่าวปลอมโดยไม่มีการรับผิดชอบจากผู้โพสต์ใดๆ หรือนำไปก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ทำให้หลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ หรือ แคนาดา เตรียมออกกฎหมายที่จะเอาผิดเจ้าของแพลตฟอร์ม ด้วย เป็นอีกสาเหตุที่เฟซบุ๊กต้องมีการเข้มงวดกับการใช้งานมากขึ้น
บ้านเรารัฐบาลเตรียม ออกกฎหมายที่จะจัดการกับสื่อออนไลน์เช่นกัน ตามข้อเสนอของกระทรวงดิจิทัลฯที่มี ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นว่าการฯกฎหมายน่าจะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภา จะมีผลกับสื่อออนไลน์บ้านเรามากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่อง แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน รัฐบาลคงรับเละแน่นอน
จีนพยายามที่จะปักหมุดเศรษฐกิจ ขยายอาณาจักรไปทั่วโลก โดยใช้การคมนาคมเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัล ด้านหนึ่งวางเส้นทางการขนส่งทางรถไฟเชื่อมทวีป ทางหนึ่งใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อเชื่อมโลกเอาไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของจีนเป็นแบบก้าวกระโดด อะไรที่ สหรัฐฯ รัสเซีย ทำได้ จีนก็ทำได้ และพยายามจะทำให้ได้มากกว่า แม้แต่ การใช้เงินดิจิทัล จีนก็สามารถพัฒนาได้เร็วและทั่วถึงในระยะเวลาสั้นๆ จีนไม่ได้มองแค่ส่งยานอวกาศขึ้นไปโคจรบนดวงจันทร์หรือดาวอังคาร แต่จีนกำลังทดสอบการสร้าง ดวงอาทิตย์ ดวงที่สอง จีนไม่ได้ต้องการให้เงินหยวนขึ้นมาเป็นสกุลเงินหลักเท่านั้น แต่จีนกำลังสร้างมูลค่าของสินค้าทุกอย่างเพื่อให้มีอำนาจการต่อรองทางการเงินการคลังมากขึ้น
...
ยกตัวอย่างสินค้าการเกษตรตั้งแต่รถไฟสายบ่อเต็น-เวียงจันทน์ ที่เชื่อมเมืองคุนหมิงของจีนเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ปี 2564 ที่ผ่านมา เกษตรกรที่เคยส่งผักผลไม้ให้กับโรงงานบรรจุหีบห่อไปยังผู้บริโภค ห้างขายปลีกขายส่งทั่วประเทศ รวมถึงตลาดค้าส่ง ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง คิดเป็นปริมาณนับเป็นหลายร้อยหลายพันตันต่อปี วันนี้ลดลงหน้ามือเป็นหลังมือจากความต้องการของตลาดน้อยลง ราคาก็ยังตกลงมาเพราะมีสินค้าจากจีนส่งเข้ามาขายตรงเป็นคู่แข่งโดยบรรทุกผ่านรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่จะเชื่อมจีนเข้ากับช่องแคบมะละกาผ่านคาบสมุทรอินโดจีนไปเชื่อมกับรัสเซียและทวีปยุโรปในอนาคต ก็ต้องกลับมาถามผู้บริหารประเทศว่าเราสามารถคิดอะไรได้ไกลกว่านี้หรือไม่และขึ้นอยู่กับความฉลาดว่าจะใช้เทคโนโลยีให้เป็นคุณหรือเป็นโทษอย่างไร.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th