แอปเปิล นำกองทัพ “iPhone” รุ่นใหม่จำหน่ายในตลาดเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย นำโดย iPhone Xs, iPhone Xs Max และ iPhone Xr ทั้ง 3 รุ่น นับเป็นโทรศัพท์มือถือที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตไม่ว่าจะการออกแบบ, จอภาพ, ระบบกล้อง, ชิป เป็นต้น ที่ถูกพัฒนามาสำหรับผู้ใช้งานได้ใช้แบบง่ายๆผมมีโอกาสได้ใช้งาน iPhone ทั้ง 3 รุ่นมาได้สักพักหนึ่งเลยอยากจะหยิบยกบางส่วนที่น่าสนใจที่สุดมาเล่าสู่กันฟัง เพราะหากจะยกมาทั้งหมดคงจะเขียนและรายงานกันไม่ไหวเพราะมีรายละเอียดของเทคโนโลยีเยอะมาก เนื้อที่มีจำกัดเริ่มต้นกับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max ทาง “แอปเปิล” ระบุว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมขับเคลื่อนวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของสมาร์ทโฟนให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ทั้งสองรุ่นมีสเปกเหมือนกันหมด เพียงแต่แตกต่างกันที่ขนาดจอ และน้ำหนักเครื่อง โดย iPhone Xs มีขนาดจอ 5.8 นิ้ว ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 39,900 บาท ในรุ่น 64GB ส่วน iPhone Xs Max ขนาดจอ 6.5 นิ้วซึ่งมีจอภาพใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ราคาเริ่มต้น 43,900 บาท ในรุ่น 64 GB การออกแบบของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นเป็นแบบ All Glass Design และ All Screen Display หน้าจอทั้งหมดเป็นจอภาพ Super Retina แบบ OLED การปลดล็อกด้วย Face ID เป็นการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าที่ปลอดภัยได้เพิ่มเป็น 2 หน้าระบบกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซลที่ผสมผสานการทำงานของกล้องมุมกว้างและกล้องเทเลโฟโต้ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์กล้องมีพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้นกล้อง TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมดถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ที่มี “โบเก้” สมจริง ใช้ชิป A12 Bionic ที่ฉลาดและทรงพลังที่สุด ความเร็ว 10 เท่าของ Neural Engine รุ่นใหม่สำหรับการเรียนรู้ของระบบที่ล้ำสมัย แบตเตอรี่ของ iPhone Xs ใช้ได้นานกว่า iPhone X ครึ่งชั่วโมง และใช้ได้นานชั่วโมงครึ่ง มาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่น IP68 ทนทานต่อความลึกไม่เกิน 2 เมตร ไม่เกิน 30 นาที และทนทานกันกาแฟ ชา น้ำอัดลม เบียร์ที่หกใส่ได้ สำหรับ iPhone Xs Max มีให้เลือก 3 สี คือสีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และสีทองใหม่ สำหรับ iPhone Xr เป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบใหม่ที่โดดเด่นเป็นหน้าจอทั้งหมด แตกต่างจากสองรุ่นดังกล่าวที่ชัดเจนก็คือระบบกล้องเดี่ยวกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้จอภาพ LCD แบบ Liquid Retina ขนาด 6.1 นิ้ว แบตเตอรี่ใช้ได้นานกว่า iPhone 8 Plus ชั่วโมงครึ่ง มีสีสันสวยงามถึง 6 สี คือ สีดำ, ขาว, ฟ้า, เหลือง, ส้มคอรัล และแดง ในราคาที่น่าสนใจคือเริ่มต้นที่ 29,900 บาท สำหรับรุ่น 64 GB มาตรฐานกันน้ำ IP67 ที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาทีคุณสมบัติที่โดดเด่นของ iPhone ทั้ง 3 รุ่นนี้ก็คือกล้อง Smart HDR หรือ HDR อัจฉริยะ ซึ่งจะทำการซ้อนภาพจากการเปิดรับแสงที่ต่างกันจากการถ่าย 3 ภาพให้เป็นภาพเดียวอย่างรวดเร็วอย่างชาญฉลาด ถูกพัฒนามาใช้เป็นครั้งแรก ระบบนี้จะทำให้เห็นรายละเอียดภาพถ่ายในส่วนของไฮไลต์และเงามืดได้ และควบคุมระยะชัดลึกแบบใหม่ที่สามารถปรับระยะชัดลึกให้ชัดหรือเบลอได้ตามที่ต้องการการถ่ายภาพบุคคลของ iPhone Xr จะแตกต่างจากสองรุ่นดังกล่าว เมื่อใช้กล้องหลังซึ่งมีเพียงกล้องเดียวจะจับภาพใบหน้าบุคคลเท่านั้น ไม่สามารถตั้งค่าถ่ายรูปวัตถุ รูปอาหาร สถานที่และอื่นๆ ว่าเป็นข้อจำกัดเล็กๆของรุ่นนี้เราสามารถตรวจเช็กดูได้ว่าระบบกล้องได้เปิดการทำงาน Smart HDR ไว้หรือไม่ ด้วยการไปที่การตั้งค่า จากนั้นไปที่กล้องและเปิด HDR หรือจะปิดก็ได้สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ แล้วแต่คนชอบ นอกจากนี้ คลิกเปิดปุ่มเก็บภาพธรรมดาเพื่อทำการเปรียบเทียบภาพถ่ายและเลือกนำไปใช้ได้สรุปถ้าปัจจัยเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณแล้ว iPhone Xs และ iPhone Xs Max เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่สำหรับคนหนุ่มสาวชอบสีสันใหม่ๆ ประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร แต่ราคาห่างกันถึงเครื่องละ 1 หมื่นบาทก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย.หนุ่มดิจิทัลcybernet@thairath.co.th