เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย จัดแถลงข่าวรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2566 ซึ่งไทยกำหนดประเด็นรณรงค์คือ “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย” โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 32 ในปี 2534 เหลือร้อยละ 17.4 ในปี 2564 แต่นักสูบหน้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สาเหตุสำคัญมาจากบุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 พบเด็กและเยาวชนอายุ 15-24 ปี สูบบุหรี่ ร้อยละ 12.7 ของผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด 9.9 ล้านคน ในจำนวนนี้สูบบุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 0.26 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ในนามสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติ ขอประกาศสนับสนุนให้รัฐบาลยืนหยัดกฎหมาย ห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด และขอเรียกร้องไปยังพรรคการเมืองทุกฝ่าย ปกป้องสุขภาพประชาชน และลูกหลานไม่ให้ข้องแวะกับบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ส่วน ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ปี 2565 จากนักเรียนชั้น ม.1 ทั่วประเทศ 6,045 คน พบว่า เยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มลองสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 5 เท่า และมีแนวโน้มสูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า
ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทย ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า คณะมีนโยบาย “นักศึกษารามาธิบดีปลอดบุหรี่” และประกาศจุดยืน “รามาธิบดี ไม่สนับสนุนทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า” และขอเชิญชวนให้คณะแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกสถาบันร่วมรณรงค์ไม่สนับสนุนทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าไปด้วยกัน
...
ด้าน นพ.อภิชัย สิรกุลจิรา ผอ.รพ.สงฆ์ กล่าวว่า รพ.ได้ถวายนิโคตินทดแทนให้กับสงฆ์ที่สูบบุหรี่ ได้แก่ หมากฝรั่งที่มีส่วนผสมนิโคตินในระดับต่ำเพื่อระงับการขาดนิโคติน การใช้น้ำยาบ้วนปาก ซึ่งจะทำให้ รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไป และการใช้ยารับประทานสำหรับเลิกบุหรี่.