ไม่อยากใช้คำว่าปิดตำนาน “ชัย ราชวัตร” เพราะการ์ตูนิสต์ชื่อก้องยุทธจักร วัย 78 ปี ขอพักผ่อนจนกว่าจะมีเหตุการณ์บ้านเมืองสำคัญเรียกร้องให้ออกมา โดยหลังอำลาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐสิ้นเดือนนี้ สิ่งแรกที่อยากทำคือ กลับไปวาดภาพสีน้ำ สร้างสรรค์ผลงานเพื่อจัดนิทรรศการของตัวเองสักครั้งในชีวิต...จะได้นอนตายตาหลับ!!“เมื่อ 10 ปีก่อน ผมเป็นมะเร็งลำไส้ ระยะที่สาม ต้องรักษาร่วมปี ให้คีโม 12 เข็ม ตอนนั้นคิดว่าถึงจะจบชีวิตเพราะมะเร็งก็ไม่เสียดายเราเป็นแค่เด็กบ้านนอกเข้ากรุงมีเงินติดตัวไม่กี่บาท มาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรแล้ว ในชีวิต ผ่านมาหมดทั้งสุขทุกข์ แค่เสียดายที่ยังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำอีกหลายอย่าง เช่น อยากวาดภาพสีน้ำเป็นรูปทิวทัศน์ และจัดนิทรรศการของตัวเองสักครั้งในชีวิต ตอนนั้นคิดจริงจังมาก แต่พอรักษาตัวหาย ก็ปล่อยเวลาผ่านไปเป็น 10 ปี และเผลอกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม ที่จริงผมควรลาออกตั้งแต่ 10 ปีก่อน เพื่อไล่ล่าความฝัน ผมลาออกจากไทยรัฐครั้งนี้ตั้งใจไปเขียนสีน้ำอย่างเดียว ซื้อกระดาษและสีน้ำไว้เต็มไปหมด แต่ถ้ายังวาดการ์ตูนทุกวัน คงไม่มีโอกาสทำตามความฝัน ไว้อนาคตมีเหตุการณ์อะไรที่เรามีส่วนร่วมต่อสู้ได้เพื่อชาติบ้านเมือง ผมจะกลับมาทำ!! แต่ตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่แล้วยังไม่มีความจำเป็น”…“สมชัย กตัญญุตานันท์” เจ้าของนามปากกา “ชัย ราชวัตร” เปิดใจให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกกับทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐจุดเริ่มต้นของ “ชัย ราชวัตร” มาจากไหนผมเกิดและโตที่อุบลราชธานี เรียนจบ ม.6 โรงเรียนสิทธิธรรมศาสตร์ศิลป์ แล้วจึงเข้ากรุงเทพฯมาเรียนต่อ ปวช.ด้านบัญชี ที่กรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย พ่อผมเกิดที่เมืองจีน เข้ามาอยู่เมืองไทยในยุคเสื่อผืนหมอนใบ พ่อเป็นคนมีความรู้ มาเป็นหลงจู๊โรงงานน้ำตาล ทำอยู่ได้พักหนึ่งนายทุนเลิก พ่อเลยซื้อโรงงานน้ำตาลเก่ามาทำเอง ตั้งแต่จำความได้พ่อไม่ประสบความสำเร็จในการค้าขาย จนท้อและเลิกไปเอง พ่อดวงชะตาธุรกิจล้มเหลวเพราะโดนพิษการเมืองภายในประเทศนั้นๆ เคยไปทำโรงเลื่อยที่ลาวก็เจอปฏิวัติ ไปค้าขายที่เวียดนามก็โดนปฏิวัติ ขนาดค้าแบงก์ซื้อขายเงินหยวนของจีนก็เจอพรรคคอมมิวนิสต์ปฏิวัติยกเลิกเงินรุ่นเก่า ส่วนแม่ผมเป็นลูกจีนเกิดที่อุบล ผมเป็นลูกคนโตในจำนวนพี่น้อง 9 คน ตอนเป็นเด็กพ่อส่งเรียนโรงเรียนจีนหมด ตอนมาเรียนกรุงเทพฯจะขอเงินพ่อต้องเขียนจดหมายเป็นภาษาจีน เพราะพ่ออ่านภาษาไทยไม่ออก พ่อสนับสนุนเรื่องการเรียนมาก น้องไปเรียนต่ออเมริกา 3 คน และใช้ชีวิตมีครอบครัวอยู่ที่โน่นเลย เข้าสู่วงการเขียนการ์ตูนได้อย่างไรตอนเรียนประถมครูเอารูปไปติดบอร์ดได้รางวัลที่หนึ่ง ทำให้เกิดกำลังใจ จากนั้นในจังหวัดมีประกวดภาพเขียนอะไรก็ได้รางวัลทุกที แต่ไม่คิดยึดเป็นอาชีพ เพราะสมัยนั้นคนเก่งศิลปะแทบไม่มีทางไป ถ้าไม่เป็นครูสอนวาดเขียน ก็รับจ้างเขียนป้ายโรงหนังต่างจังหวัด พอเข้ากรุงเทพฯผมถึงเลือกเรียนบัญชี จบมาทำงานแบงก์กรุงศรีอยุธยา ก็รู้สึกว่าโก้มาก ทำฝ่ายต่างประเทศ 9ปี ระหว่างนั้นยังเขียน รูปอยู่ พอดีเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 นักศึกษาออกมาเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย เราเกิดอารมณ์ร่วมเลยไปสมัครเขียนการ์ตูนที่หนังสือพิมพ์แนวซ้าย “มหาราษฎร์” พอพ้นช่วง 14 ตุลา เปิดให้มีเสรีภาพมากขึ้น ทำให้มีหนังสือพิมพ์เกิดใหม่เยอะ มีพรรคพวกจากมหาราษฎร์เข้าไปอยู่เดลินิวส์ จึงชักชวนให้ไปเขียนการ์ตูนต่อที่เดลินิวส์ ใช้นามปากกาว่า “ชัย ราชวัตร” ผมอยู่เดลินิวส์ 3 ปี ก็เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา2519 ยุคนั้น “สมัคร สุนทรเวช” คุมมหาดไทย สั่งปิดหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ให้มาขอหัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ยื่นเงื่อนไขว่าต้องไม่มีคอลัมนิสต์ชื่อเหล่านี้ เพราะต้องการล้างคอลัมนิสต์หัวแข็งให้หมด ซึ่งชื่อผมโดนแบล็กลิสต์!!ต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดไหน เมื่อเจอพิษการเมืองยุคนั้นนักศึกษาและครูบาอาจารย์เข้าป่าเยอะ เราเป็นกองเชียร์อยู่ข้างนอกก็โดนด้วย รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว มีสิทธิ์ถูกจับติดคุกทหาร จึงหนีไปอเมริกาโชคดีน้องสาวเป็นพยาบาลอยู่อเมริกา จึงสามารถขอกรีนการ์ด และยังให้สิทธิพ่อแม่พี่น้องได้กรีนการ์ดด้วย ผมไปอยู่แอลเอ 2 ปี ไม่คิดว่าจะได้กลับเมืองไทยแล้ว ตอนหนีไปอยู่อเมริกา ใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบขนาดไหนผมมีเงินสะสมแสนกว่าบาท สมัย 40 กว่าปีที่แล้วถือว่ามากพอควร ตอนอยู่แอลเอ เพื่อนชวนให้เขียนการ์ตูนในหนังสือพิมพ์เสรีชน เลยเปลี่ยนลายเส้นเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น “บุญมา ชิคาโก” เพื่อเบนความสนใจ เพราะได้ข่าวจะแบล็กลิสต์คนต่อต้านรัฐบาลไม่ให้กลับเมืองไทยตอนนั้นตัวละคร “ผู้ใหญ่มา” ถือกำเนิดหรือยังคะเพิ่งจะเขียนการ์ตูน “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” หลังกลับจากอเมริกาโดย “โรจน์ งามแม้น” ได้เลื่อนเป็นหัวหน้ากอง บก.เดลินิวส์ โทร.ไปตามว่า ชัยกลับเมืองไทยไหม เมืองไทยเริ่มมีเสรีภาพ และรัฐบาล “ธานินทร์ กรัยวิเชียร” โดนปฏิวัติแล้ว อย่างน้อยก็เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ การปฏิบัติต่อสื่อค่อนข้างอะลุ่มอล่วย ผมเลยตัดสินใจกลับเมืองไทย เพราะอยู่โน่นก็เป็นประชาชนชั้นสองพอกลับเมืองไทย สถานการณ์บ้านเมืองปลอดโปร่งจริงไหมทางเดลินิวส์ให้ผมกลับมาเขียนการ์ตูน 3 ช่อง ในคอลัมน์ “งิ้วการเมือง” เป็นแนวเสียดสีล้อเลียนการเมือง ดังตั้งแต่ยุคก่อน6 ตุลา โดยมี “พี่ปรีชา สามัคคีธรรม” เป็นคนเขียนบท ส่วนผมเขียนการ์ตูน แต่ผมเบื่อรอบทจากคนอื่น จึงขอเขียนบทเองและวาดการ์ตูนเอง โดยใช้ชื่อ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ชื่อ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” จุดประกายไอเดีย จากไหนสถานการณ์เมืองไทยยังเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ จะเขียนล้อการเมืองตรงๆไม่ได้ ก็คิดว่าน่าจะจำลองเหตุการณ์บ้านเมืองขึ้นมาลักษณะเดียวกับ “อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์” เคยเขียนเรื่องสั้นวิจารณ์รัฐบาลในยุค “จอมพลถนอม กิตติขจร” ใช้นามปากกาว่า “นายเข้ม เย็นยิ่ง” ผมสมมติว่าทุ่งหมาเมินคือประเทศไทย ผู้ใหญ่บ้านคือนายกรัฐมนตรี หรือตัวแทนชนชั้นปกครอง ส่วนไอ้จ่อยเป็นลูกบ้านคอยโต้เถียง กับผู้ใหญ่มา แล้วก็จับข่าวแต่ละวันมาล้อ เขาให้ลองเขียนเป็นการ์ตูน 3 ช่องทุกวัน เขียนได้เดือนหนึ่งติดตลาด ตัวละครตัวอื่นค่อยตามมา ผมตั้งคอนเซปต์ว่าตัวละครแต่ละตัวคือตัวแทนของกลุ่มคนในสังคม เขียนอยู่ 3 เดือน เกิดปัญหาภายในเดลินิวส์ “โรจน์ งามแม้น” ลาออก ผมกับ “ว.ณ เมืองลุง” นั่งกินเหล้าอยู่ เพื่อนยื่นมือให้จับบอกว่าใครกลับเดลินิวส์คนนั้นเป็นหมา!! เอ้าออกก็ออกด้วยกันย้ายค่ายจากเดลินิวส์มาอยู่ไทยรัฐ ถูกจำกัดเสรีภาพการทำงานไหมพอมาอยู่ไทยรัฐป๊ะบอกให้เอา “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” มาเขียนต่อ โดยป๊ะให้เสรีภาพเต็มที่ เพียงแต่เราต้องรู้ด้วยปฏิภาณไหวพริบว่าไม่ควรแตะคนที่เกื้อหนุนไทยรัฐ ก็มีบ้างที่อึดอัดในการทำงาน แต่ยอมรับสภาพ ว่าไปอยู่ไหนต้องเจอปัญหาหมด มีโอกาสก็ตอดนิดตอดหน่อยตามประสา แต่ไม่จองล้างจองผลาญใครชีวิตนี้ภูมิใจกับผลงานชิ้นไหนที่สุดถือเป็นเกียรติยศสูงสุดที่ได้มีโอกาสถวายงานในหลวง รัชกาลที่ 9 เขียนการ์ตูนประกอบพระราชนิพนธ์เรื่องทองแดง และพระมหาชนก นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลหลายแขนง ทั้งรางวัลผู้มีผลงานดีเด่นด้านศิลปวัฒนธรรมสาขาสื่อสารมวลชน จากสำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ และเป็นนักเขียนการ์ตูนไทยคนเดียวที่มีชื่อตีพิมพ์ประวัติลงใน The World Encyclopedia of Comicsอะไรทำให้ “ชัย ราชวัตร” เป็นที่นิยมมาตลอด 4 ทศวรรษ ที่ปักหลักอยู่ไทยรัฐผมติดตามข่าวการเมืองตั้งแต่เด็ก ที่เข้ามาเขียนการ์ตูนเพราะชอบการเมือง คนอ่านมาอ่านความคิดของคนเขียน ไม่ใช่มาดูรูป เสน่ห์ของอาชีพเขียนการ์ตูนอยู่ที่อารมณ์ขัน ถ้าไม่มีอารมณ์ขันคนไม่ติดตาม วาดสวยไม่สวยไม่สำคัญเท่ามุก เขียนแล้วคนต้องขำและคม แต่ยอมรับว่าไม่ได้คมทุกวันหรอก มันก็มีจืดบ้าง ผมไม่อยากวางปากกาตอนหมดไฟ ไม่อยากถึงวันที่คนบอกว่าเมื่อไหร่จะเลิก ผมจะไม่เขียนการ์ตูนเพื่อเอาใจคนอ่าน ตลอดชีวิตการเขียนการ์ตูน ผมไม่เคยเป๋ไม่เคยกลับข้าง ผมยืนหยัดชัดเจนเสมอ “ชัย ราชวัตร” เลือกอยู่ข้างอะไรผมเลือกอยู่ข้างความถูกต้องมาตลอดชีวิต ผมจะโกรธมากถ้าใครบอกว่าผมเขียนการ์ตูนเป็นกลาง เพราะกูไม่เคยเป็นกลาง!! ผมเลือกอยู่ข้างความถูกต้องเท่านั้น คนทำหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้ข่าวสารข้อมูล ฉะนั้น เราต้องเลือกว่าอะไรดีไม่ดี ต้องมีจุดยืนชัดเจน ไม่ว่าบ้านเมืองจะวิกฤติยังไงใครจะด่าว่ายังไง ผมสามารถอธิบายเหตุผลได้ว่าทำไมถึงเลือกข้างนี้ ไม่ใช่เลือกเพราะเสน่หาส่วนตัวอะไรคือความถูกต้องในทัศนะของ “ชัย ราชวัตร”ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว ยึดอุดมการณ์ทำเพื่อชาติบ้านเมือง ผมยอมรับว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่อย่าโกงกินคอร์รัปชัน อันนี้รับไม่ได้!! คนไหนที่เราคิดว่าควรอนุรักษ์ไว้ คนไหนเราควรช่วยขจัดออกไปจากบ้านเมือง ต้องมองสิ่งเหล่านี้ให้ออก อาชีพนี้หวานอมขมกลืน แต่ผมก็ยืดอกมองหน้าใครได้อย่างสนิทใจแน่นอน เพราะ 40 กว่าปีในวงการสื่อ ผมไม่เคยแปดเปื้อนเรื่องหาประโยชน์ ไม่เคยเอาชื่อไทยรัฐไปหากินที่ไหน ผมมาอย่างคลีนและจะไปอย่างคลีนถามจริงๆ “ชัย ราชวัตร” พยายามชี้นำสังคมไหมชี้!! เราต้องบอกความจริงให้สังคม ถ้าเราเห็นสังคมกำลังเดินผิดทาง แล้วไม่ชี้นำ เราก็ไม่ควรทำหน้าที่สื่อ!! ถ้าเราคิดถึงแต่ความปลอดภัยก็ควรไปทำอาชีพอื่นที่ไม่ต้องเสี่ยง ในยุคหลังๆเวลาเจออะไรเข้าก็ไม่กล้าเขียน โดยอ้างว่าสื่อต้องเป็นกลาง ความเป็นกลางคือข้ออ้างของคนขี้ขลาด!!ถึงจะลาออกจากไทยรัฐ แต่ “ชัย ราชวัตร” ก็ไม่ทิ้ง พวกเราใช่ไหมผมยังแสดงความคิดเห็นเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากหนังสือพิมพ์ไปแอ็กทีฟในสื่อโซเชียลมีเดีย แฟนคลับอาจน้อยลง แต่เราสบายใจกว่า ผมไม่กล้ารับปากว่า “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” จะไม่กลับมาอีก ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองชวนให้ต้องออกมา “ชัย ราชวัตร” ก็คงออกมาทำหน้าที่อีกครั้ง!!ทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐ