ถวายพระราชสมัญญานาม ทำจดหมายเหตุแจกทั่วปท. รำลึกความอาลัยพสกนิกร

นายกฯเตรียมเทิดพระเกียรติ พระราชสมัญญานาม “มหาราช” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระบุตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่รอง ผบช.ก. ระดมจิตอาสาทำความสะอาดตกแต่งพื้นที่ท้องสนามหลวงรองรับการเข้าชมพระเมรุมาศ มีประชาชนเริ่มเข้ามาถ่ายภาพกันคึกคัก ด้านวัดบวรฯ คนเดินทางถวายสักการะพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวง ร.9 อย่างล้นหลาม เช่นเดียวกับวัดราชบพิธฯ ที่เปิดให้คนเข้ากราบสักการะภายในพระอุโบสถได้แล้ว

ในการออกทุกข์ของคนไทยเป็นวันที่สอง หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 31 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาเทิดพระเกียรติพระราชสมัญญานาม “มหาราช” แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า ถึงกรณีการเกิดความไม่พอใจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับงานพระราชพิธีไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ถือว่าจบไปแล้ว แม้จะมีบางอย่างที่ไม่ถูกใจบ้างก็ต้องให้อภัยกัน เพราะทุกคนหวังดี เจตนาดี แต่ด้วยวิธีการและจำนวนคนที่เข้ามาร่วมงาน จึงทำให้มีปัญหาบ้าง เพราะไม่มีพระราชพิธีใดที่มีประชาชนเข้าร่วมมากขนาดนี้ ยอดรวมทั่วประเทศประชาชนเข้าร่วมทั้งหมด 21 ล้านคน และทุกคนให้ความสนใจกับพระราชพิธีนี้อย่างมาก เพราะว่าแกนหลักของเราคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนชาว จ.ชลบุรี รวมตัวประท้วงขับไล่ ผวจ.ชลบุรีเนื่องจากเกิดปัญหาความไม่เรียบร้อยในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบในขั้นต้น ชาวบ้านค่อนข้างไม่พอใจ 3 ประเด็น คือ 1.จังหวัดได้รับจัดสรรงบ ประมาณ 20 ล้านบาทในการดำเนินการ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้จัดสรรงบประมาณ จะให้เฉพาะการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง และพระจิตกาธาน ไม่แน่ใจว่าเกิดความเข้าใจผิดกันหรือไม่ 2.เรื่อง ผวจ.มาสายพบว่าความจริงแล้วมาแต่เช้า และ 3.การจัดแถวไม่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ขอวิจารณ์ เพราะประเด็นของพระราชพิธีไม่ควรนำมาสร้างเป็นความขัดแย้ง และคนก็มามากเกินกว่าสถานที่ทุกแห่ง ต่างจังหวัดต้องปรับแผนหลายส่วน ขอให้ทุกคนเข้าใจ แต่การจะสร้างเป็นประเด็นความขัดแย้งต้องพิจารณาให้ดีขณะนี้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงใน 3 ประเด็นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง

ด้านนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยที่ห้องประชุมรัฐสภาในช่วงบ่ายวันเดียวกันว่า รัฐสภาได้อัญเชิญพระบรม สาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ติดตั้งไว้ในห้องประชุมรัฐสภาเหนือบัลลังก์ประธานรัฐสภาตั้งแต่ปี 2517 มาแล้วรวมระยะเวลาเป็น 43 ปีลง และจะอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นแทน เป็นกรอบสีทองและประดับครุฑพ่าห์อยู่เบื้องล่าง ทั้งนี้ เบื้องต้นทางรัฐสภาจะอัญเชิญพระ บรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไปประดิษฐานไว้ที่พิพิธภัณฑ์รัฐสภา และเมื่ออาคารรัฐสภาแห่งใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จจะอัญเชิญไปประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์รัฐสภาแห่งใหม่ต่อไป

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า คณะกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุ จัดพิมพ์หนังสือและแผ่นพับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จำนวน 11 รายการ ขณะนี้จัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุฉบับรอง “พระผู้สถิตในหทัยราษฎร์” เสร็จเรียบร้อยแล้ว รวบรวมภาพป้ายขนาดใหญ่ หรือบิลบอร์ดจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการรำลึกถึงพระมหากษัตริย์อันเป็นที่สุดแห่งความจงรักภักดีและความอาลัยของพสกนิกร มีนายวรนันทน์ ชัชวาล–ทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ถ่ายภาพ) เป็นหัวหน้าคณะช่างภาพ 300 คน บันทึกภาพป้ายขนาดใหญ่แสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวนกว่า 10,000 ป้าย และพิจารณาคัดเลือกจำนวน 500 ป้าย เพื่อบรรจุในหนังสือเล่มนี้ จัดพิมพ์จำนวน 9,000 ชุด ส่วนหนึ่งได้แจกให้ผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพไปแล้ว และหลังจากนี้จะนำไปมอบให้แก่ หน่วยราชการ ห้องสมุด สถาบันการศึกษาทุกจังหวัดต่อไป

รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังจัดทำจดหมายเหตุ ฉบับสื่อมวลชนและให้วัฒนธรรมจังหวัด รวบรวมเรื่องราวในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จประพาสเยี่ยมเยียนราษฎรและประกอบพระราชกรณียกิจในจังหวัดต่างๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมถวายดอกไม้จันทน์ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อให้ทุกจังหวัดมีจดหมายเหตุ ในหลวง รัชกาล ที่ 9 ถือเป็นการจัดทำจดหมายเหตุที่ครบทุกมิติ

สำหรับบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ที่บริเวณพระเมรุมาศจำลอง สวนนคราภิรมย์ ถนน มหาราช เมื่อเวลา 08.00 น. กลุ่มจิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประกอบด้วย ผู้บริหารและพนักงานของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เจ้าหน้าที่ทหารจากฐานทัพเรือกรุงเทพ และเหล่าจิตอาสา ประมาณ 300 คน ร่วมทำกิจกรรมแปรอักษรรูปขบวนเป็นรูปหัวใจ และด้านในเป็นเลข 9 ไทย จากนั้นได้ร่วมกันร้องเพลงความฝันอันสูงสุด และร่วมกันทำความสะอาดถนนมหาราช ตั้งแต่แยกท่าช้างไปจนถึง สน.พระราชวัง เป็นการทำหน้าที่จิตอาสาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งนี้ พล.ร.ต.ยงยุทธ พร้อมพรหมราช ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ กล่าวว่า แม้ขณะนี้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสร็จสิ้นลงแล้ว แต่หน้าที่ของจิตอาสายังไม่จบลงและขอให้ทุกคนระลึกไว้เสมอว่าเราเป็นจิตอาสาในพระองค์ท่านที่จะต้องทำหน้าที่สืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่านตลอดไป

ส่วนที่ท้องสนามหลวง ช่วงเวลาเดียวกัน พล.ต.ต. สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบช.ก.เป็นประธานปล่อยขบวนจิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช จำนวน 1,500 คน ร่วมกิจกรรมล้าง ทำความสะอาดท้องสนามหลวง รวมทั้งล้างพื้นถนนสายกลางและถนนด้านพระที่นั่งทรงธรรม และตกแต่งต้นไม้รอบพื้นที่ เตรียมความพร้อมในการเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามและสมพระเกียรติ ขณะที่ตลอดวัน ประชาชนจำนวนมากยังคงเดินทางมาชมพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวงอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในสนามหลวงเนื่องจากกำลังปรับปรุงพื้นที่ ทำให้คนที่มา รวมถึงนักท่องเที่ยวต้องไปเก็บภาพพระเมรุมาศอยู่ด้านนอก โดยเฉพาะตรงข้ามกับศาลฎีกาติดกับถนนราชดำเนินใน เป็นจุดที่สามารถมองเห็นพระเมรุมาศได้ชัดเจน

อีกด้านหนึ่งที่วัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชบพิธ สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สถานที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่เดินทางมากราบพระบรมราชสรีรางคารกันตลอดวัน พระเทพวิสุทธิกวี ผช.เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวว่า วัดได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการรองรับประชาชนที่เข้ามากราบพระบรมราชสรีรางคารในหลวง ร.9 ภายในพระอุโบสถ ในช่วงเวลา 08.30-20.00 น. ช่วงหัวค่ำหากใครต้องการร่วมสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล สามารถร่วมสวดได้ช่วงหัวค่ำทุกวัน และตั้งแต่อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาบรรจุไว้ที่วัดบวรฯ มีประชาชนเข้าถวายสักการะแล้วประมาณกว่า 3 หมื่นคน นับจากจำนวนแผ่นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่เตรียมไว้ 99,999 ใบ ตอนนี้แจกไปแล้วกว่า 3 หมื่นภาพ

เช่นเดียวกับที่วัดราชบพิธฯมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารในหลวง ร.9 พร้อมวางพวงมาลัยถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าพระอุโบสถ โดยทางวัดแจกหนังสือนวมินทรานุสรณียเทศนา เป็นพระธรรมเทศนา 3 กัณฑ์ของพระพรหมมุนี (อคคชิโน) วัดราชบพิธฯ ที่จัดพิมพ์ถวายโดยเสด็จพระราชกุศล ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง ร.9 ให้กับประชาชนที่มากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร ไว้เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ ยังมีจิตอาสาเราทำความดี ด้วยหัวใจ มาร่วมทำความสะอาดรอบบริเวณวัด นำโดย พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.สส.

จากนั้นเวลาประมาณ 15.25 น. ทางวัดได้เปิดประตูพระอุโบสถให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่บรรจุอยู่ในฐานบัลลังก์พระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถ เมื่อประชาชนทราบข่าวจึงพากันมาต่อแถวกันอย่างเนืองแน่น ท้ายแถวยาวออกมานอกบริเวณวัดจนถึงถนนเฟื่องนคร ทั้งนี้ ทางวัดแจ้งว่าจะเปิดให้เข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารทุกวัน เปิดในช่วงหลังทำวัตรเช้า และปิดก่อนทำวัตรเย็น

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.นกยูง ภิรมย์แก้ว อายุ 74 ปี ที่เดินทางมาจากบ้านย่านประชาอุทิศเพื่อกราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารในหลวง รัชกาลที่ 9 ภายในพระอุโบสถวัดบวรฯ ก่อนเดินทางมาวัดราชบพิธฯ เพื่อมากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารด้านหน้าพระอุโบสถ ว่ามากราบสักการะด้วยความคิดถึงพระองค์ แม้พระองค์จะจากไปแล้ว แต่จะยังสถิตอยู่ในใจตนเสมอ ภูมิใจที่ได้เกิดมาในผืนแผ่นดินรัชกาลที่ 9 ตนตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะมากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารทุกวัน เพราะทำให้รู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดพระองค์อีกครั้ง ขณะที่นางอุตสาห์ น้ำทิพย์ อายุ 77 ปี อาชีพเกษตรกร กล่าวว่า นั่งรถโดยสารมาคนเดียวจาก จ.สมุทรปราการ เพื่อมากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร เพราะอยากจะมากราบพระเจ้าแผ่นดินด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดีใจที่ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ พร้อมกับขอพรให้เจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต

วันเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม สรุปยอดการเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรของประชาชนในช่วงระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงคมนาคมแบ่งการเดินทางของประชาชนออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.การเดินทางระหว่างจังหวัดเข้าและออก กทม.พบว่าในช่วง 3 วันดังกล่าวมีประชาชนจากต่างจังหวัดเดินทางเข้าและออก กทม. รวม 1,494,302 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 46 เดินทางผ่านท่าอากาศยานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รองลงมาร้อยละ 35 เดินทางผ่านถนนโดยรถของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) และอีกร้อยละ 18 เดินทางด้วยรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย พบว่ามียอดการเดินทางสูงสุดในวันที่ 27 ต.ค.จำนวน 525,907 คน 2.การเดินทางเข้าสู่บริเวณพระราชพิธี มียอดประชาชนเดินทางรวมทั้งสิ้น 323,352 คน โดยร้อยละ 74 เดินทางทางถนน รองลงมาคือทางน้ำ ร้อยละ 23 และอีกร้อยละ 3 เดินทางทางราง โดยมียอดการเดินทางสูงสุดในวันที่ 26 ต.ค.รวม 163,888 คน และ 3.การเดินทางภายในกรุงเทพมหานคร เพื่อเชื่อมโยงไปในบริเวณงาน มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 5,288,755 คน โดยร้อยละ 65 เดินทางทางราง รองลงมาร้อยละ 31 เดินทางทางถนน และอีกร้อยละ 4 เดินทางทางน้ำ