ผู้ชุมนุมมาตามนัด เต็มพื้นที่จัดชุมนุม พร้อมแกนนำ-ตัวตึง “สนธิ-จตุพร-ปานเทพ” ดาหน้าขึ้นเวทีปราศรัยจวกนายกฯยับ เรียกร้องให้ลาออกทันที ขณะที่นายกฯ ยืนยันการชุมนุมเป็นสิทธิหวังไม่มีการบานปลาย และยังไม่ปิดประตูที่จะเชิญแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาพูดคุย แต่ขอดูสถานการณ์ก่อน ส่วนที่ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา สุดสัปดาห์สุดเงียบเหงา แต่ไทยยังเปิดประตูให้คนเขมร-ผู้ป่วย เดินทางกลับบ้านได้ตามหลักมนุษยธรรมเริ่มแล้วสำหรับการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิ.ย. เรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งมีพฤติกรรมล่อแหลม ส่งผลทําให้ประเทศชาติเสียหาย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศนายกฯ หวังชุมนุมไม่บานปลายเมื่อเวลา 08.53 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยว่า ได้กำชับฝ่ายความมั่นคงดูให้สงบเรียบร้อย ไม่มีอะไร เป็นกรอบของสิทธิอยู่แล้ว ยังไม่มีรายงานอะไรที่น่าเป็นห่วง บอกให้ดูให้เรียบร้อย ไม่อยากให้มีความรุนแรง และหวังว่าจะไม่มีการบานปลาย ยืนยันการชุมนุมเป็นสิทธิ ส่วนตัวแล้วไม่ได้หวังว่าจะยังไง ก็ให้เป็นสิทธิไป ไม่ได้จะตอบโต้หรืออะไร ส่วนโอกาสที่จะเชิญแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาพูดคุยนั้น ขอดูสถานการณ์ก่อน ถ้ายังอยากคุยกันด้วยสันติวิธีเหมือนเดิมก็ยินดีอยู่แล้วระดมคนเข้ากรุงร่วมชุมนุมใหญ่ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่เช้าตรู่ หลายจังหวัดมีการรวมพลนำคนขึ้นรถบัสรถตู้มาร่วมชุมนุมใน กทม. อาทิ กลุ่มมวลชนคนพิษณุโลก กว่า 80 คน นำโดยนายชูเกียรติ ด่านพิษณุภัณฑ์ นัดรวมพลที่หน้าสหกรณ์ออมทรัพย์ครูพิษณุโลก จำกัด อำเภอเมืองพิษณุโลก เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถบัสไม่ประจำทาง 1 คัน และรถตู้จำนวน 3 คัน โดยคณะใส่เสื้อหลากสี เน้นป้ายและแถบธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์ เช่นเดียวกับกลุ่มรวมพลังกำแพงเพชร นัดรวมตัวกันที่ปั๊ม ปทต.โค้งวิไล ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง เดินทางด้วย 5 รถตู้ จำนวนกว่า 50 คน โดยนายสุวัฒน์ วัฒนศิริ แกนนำกลุ่ม ระบุว่าเป็นการแสดงจุดยืนไปร่วมชุมนุมอย่างสันติวิธี ขณะที่ ภาคีประชาชนคนโคราชในการปกป้องอธิปไตยของไทยและสนับสนุนกองทัพไทย นำโดยนายสุพจน์ พิริยะเกียรติ แกนนำภาคีเครือข่ายประชาชนชาวโคราชผู้รักชาติ แกนนำกลุ่มมวลชนคนโคราช และอดีตแกนนำ กปปส.โคราช นัดหมายมวลชนและแนวร่วมในพื้นที่ ในนาม “กลุ่มฅนโคราชนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” นัดรวมพลที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เทศบาลนครนครราชสีมา เดินทางไปร่วมชุมนุมด้วยรถโดยสารไม่ประจำทาง 4 คัน รถตู้ 15 คัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุเดินทางมารวมตัวขึ้นรถ และที่บริเวณเชิงสะพานณรงค์ดำริ ในเขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี มีการจัดรถตู้โดยสาร จำนวน 3 คัน นำคนเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเช่นกันอนุสาวรีย์ชัยฯคึกคักแต่เช้าส่วนบรรยากาศการชุมนุมใหญ่ปกป้องอธิปไตยและขับไล่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความคึกคักตั้งแต่เวลา 07.00 น. กลุ่มมวลชนจำนวนมากทยอยเข้าจับจองพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่มีการสรุปยอดผู้ชุมนุมในช่วงก่อนเวลา 10.00 น. มีมากกว่า 1.2 พันคน เป็นคนใน กทม.และมาจากต่างจังหวัดเดินทางเข้าพื้นที่ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง มีด่านคัดกรองของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณถนนพหลโยธิน ถนนพญาไท และถนนราชวิถีฝั่ง รพ.ราชวิถี และฝั่งเส้นทางไปแยกสามเหลี่ยมดินแดง ขณะที่การเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสมาลงสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีประชาชนใช้บริการอย่างหนาแน่น แต่ละคนนำธงชาติขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมทั้งสัญลักษณ์แสดงความเป็นไทยเข้ามาร่วมแสดงพลังปกป้องอธิปไตย ส่วนบนสกายวอล์กเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้าฯ มีตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบยืนเฝ้าระวังความปลอดภัยตลอดแนว มีการนำสุนัขตำรวจ K9 รวม 8 ตัว เดินตรวจตรากระเป๋าสัมภาระของกลุ่มผู้ชุมนุมบนพื้นราบและที่ขึ้นมานั่งอยู่บนสกายวอล์ก ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นเวทีปราศรัยและพื้นที่ชุมนุมได้ชัดเจน ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยของพื้นที่ชุมนุม โดยมีนายสบโชค ณ ศรีโต ผู้อำนวยการเขตราชเทวี หัวหน้าฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนใช้ ตร.4 กองร้อยดูความเรียบร้อยสำหรับการดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมในครั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า โดยรอบอนุสาวรีย์เจ้าหน้าที่ประจำจุด รวม 4 กองร้อย 2,055 นาย เช้าและบ่ายรอบละ 2 กองร้อย ไม่รวมเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ รอบพื้นที่ชุมนุมมีจุดคัดกรอง 5 จุด และมีตำรวจ ตม.เข้าคัดกรองกลุ่มประชาชนประเทศเพื่อนบ้านด้วย ช่วงเช้าตรวจยึดมีดสปาต้า 1 เล่ม มีดคัตเตอร์ 3 เล่ม พร้อมควบคุมตัวผู้ที่พกพาดำเนินคดี ผู้ที่พกมีดสปาต้าเป็นเจ้าหน้าที่ขับรถส่งอาหาร แต่ไม่ได้เข้ามาร่วมชุมนุม การใช้โดรนบินสังเกตการณ์จากมุมสูงจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง ส่วนรถจีโน่หรือรถฉีดน้ำแรงดันสูงเป็นตามยุทธวิธีเตรียมความพร้อม แต่ไม่ได้นำเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมรวบชายพกมีดพับต่อย ตร.ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เจ้าหน้าที่ กทม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดหรือ EOD พร้อมสุนัข K9 ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ พร้อมกับพูดคุยกับแกนนำการชุมนุมที่บริเวณหลังเวที เน้นย้ำให้ชุมนุมเป็นไปตามกฎหมาย ต่อมาเวลา 12.30 น. มีชายอายุ 40-50 ปี พกอาวุธมีดพับเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม เจ้าหน้าที่ได้ห้ามและดึงมีดออกจากมือชายดังกล่าวไม่พอใจ ต่อยหน้าของเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ช่วยกันควบคุมตัวนำไปสอบสวนที่ สน.พญาไท พร้อมตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานและพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ ทราบชื่อคือ นายพิบูลย์ อายุ 42 ปี ชาวกรุงเทพฯ มาร่วมชุมนุม สาเหตุที่ทำร้ายเนื่องจากไม่พอใจเจ้าหน้าที่ที่มาค้นและพบอาวุธมีดที่พกมาขึงแถบผ้าธงชาติไทยทั่วพื้นที่สำหรับกิจกรรมรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 10.00 น. ด้วยการนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป สวดอุทิศส่วนกุศลแด่ทหารผ่านศึกที่มีชื่อจารึกไว้เนื่องในโอกาสครบรอบ 84 ปี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีแกนนำร่วมพิธี อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชยมงคล เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ ไทย (คปท.) และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จากนั้นเวลา 10.30 น.เป็นต้นไป เริ่มเปิดเวทีปราศรัย โดยแกนนำสลับกันขึ้นเวทีแสดงจุดยืนทางการเมืองเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งจากกรณีคลิปเสียงหลุดระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ สมเด็จฮุน เซน กรณีปัญหาพิพาทบริเวณชายแดนไทย รวมถึงกลุ่มมวลชนที่มาได้ร่วมกันทำกิจกรรมขึงแถบผ้าที่ทำเป็นธงชาติไทยขนาดใหญ่ไปทั่วพื้นที่การชุมนุมย้ำจุดยืนนายกฯ ต้องลาออกต่อมา นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.แถลงถึงการชุมนุมในครั้งนี้ว่ามีประชาชนจากต่างจังหวัดเดินทางเข้าร่วมตั้งแต่เช้า พร้อมจัดเวทีปราศรัยหลังพิธีสงฆ์ โดยสลับการขึ้นเวทีของตัวแทนและศิลปิน โดยการชุมนุมมีข้อเรียกร้องคือให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีคลิปเสียงหลุด และเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมระบุว่า หากไม่มีการตอบสนอง การเคลื่อนไหวจะยกระดับแน่นอน เตรียมยื่นหนังสือถึงพรรคร่วมรัฐบาลอีกระลอก หลังจากเคยไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง ไม่มีผู้สนับสนุนทางการเงิน ทุกคนมาด้วยใจ พร้อมประเมินยอดผู้ร่วมชุมนุมราว 10,000 คน แม้มีการสกัดกั้นจากเจ้าหน้าที่บางจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มที่อาสานำประชาชนมาเข้าร่วม ได้ย้ำทำงานร่วมกับตำรวจ บช.น. และ กทม. ตั้งจุดตรวจอาวุธและดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมประกาศชัดว่า หากเกิดเหตุรุนแรง รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบ“เรวัช” ย้ำเขมรอย่ามายุ่งกับไทยขณะเดียวกัน พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) กล่าวขณะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มรวมพลังแผ่นดินว่าตนกลัวคนจะไม่พอ 1.5 แสน จึงต้องมาร่วม แต่ไม่ได้มาไล่ใครและไม่เชียร์ใครเพราะมีจุดยืนไม่ยุ่งการเมือง ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย ตนมาเพื่อให้เขมรรู้ว่าอย่ามายุ่งกับประเทศไทยและเป็นกำลังใจให้ทหารที่อยู่ชายแดน ที่ทุกคนออกมาวันนี้เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยไม่ให้เขมรรุกรานขอย้ำว่าไม่ยุ่งการเมือง“วีระ” ท้า “ฮุน เซน” บุกเข้ามาเลยด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้เรียกทหารมาปฏิวัติ แต่มาปกป้องอธิปไตยของชาติไทย โดยเฉพาะทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน แต่ทุกรัฐบาลเหมือนกันหมดเราจึงเสียดินแดนเสียอธิปไตยจนทุกวันนี้ แต่รัฐบาลเสียแค่นี้ยังไม่พอ นายกฯยังไปบอกสมเด็จฮุน เซน อยากได้อะไรขอให้บอกจะจัดการให้ แบบนี้ถือว่าขายชาติหรือยัง สมควรถูกขับไล่หรือไม่ ตนขอท้าสมเด็จฮุน เซน ถ้าอยากได้แผ่นดินไทยให้บุกเข้ามาเลย ทหารไทยจะได้ช่วยทำให้หายไปจากแผนที่โลกฝนถล่มพื้นที่ผู้ชุมนุมเปียกปอนจากนั้นเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีฝนตกลงมาอย่างหนักทั่วบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในพื้นที่กลางแจ้งต้องกางร่มและสวมเสื้อกันฝนปักหลักชุมนุมกลางสายฝน บางคนไม่ได้เตรียมอะไรมาก็ใช้ธงชาติ ผ้าใบ หรือวัสดุต่างๆ ที่สามารถกันฝนได้บังฝนที่ตกกระหน่ำลงมานานกว่า 1 ชั่วโมง และยังพากันตะโกน “อุ๊งอิ๊งค์ออกไป” แต่ผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไม่พร้อมเปียก ได้พากันวิ่งไปหลบฝนอยู่ใต้แนวสกายวอล์กขณะที่ภายในศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน และศูนย์การค้าวิคตอรี่ฮับ มีผู้ชุมนุมพากันเข้าไปหลบฝนเต็มไปหมด ซึ่งสภาพท้องฟ้าที่ไม่เป็นใจส่งผลกระทบไปถึงบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเย็น เพราะถนนเฉอะแฉะและผู้ชุมนุมต่างเปียกปอนไปตามๆกัน แต่คนก็ยังปักหลักชุมนุมไม่ถอยเพื่อเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคาดคนมาแน่นช่วงใกล้ค่ำขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น.กล่าวสรุปสถานการณ์การชุมนุมตั้งแต่เช้าว่าผลการตั้งจุดตรวจคัดกรองจนถึงเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจยึดอาวุธมีด 7 เล่ม คัตเตอร์ 17 เล่ม ดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังจับกุมบุคคลที่มีหมายจับ พ.ร.บ.คอมฯ 1 ราย ของศาลอาญา ส่งดำเนินคดี ส่วนการจับกุมต่างด้าว 8 คน เป็นชาวเมียนมา 7 คน และชาวกัมพูชา 1 คน จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใกล้แยกดินแดง สถานที่ชุมนุม ถนนวิภาวดีรังสิต นำตัวส่ง สน.ดินแดง ทั้งหมดอ้างว่ากำลังไปทำงาน คาดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป่วนการชุมนุม ขณะที่สภาพการจราจรภาพรวม รถยังสามารถเคลื่อนตัวได้ เมื่อเวลา 12.00 น. มีการปิดการจราจรรถที่มาจากถนนราชวิถี และในเวลา 14.00 น. มีการปิดการจราจรพหลโยธินขาเข้า ปัดรถไปใต้ทางด่วนดินแดง เพราะด้านหน้าเวทีมีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เมื่อเวลา 15.30 น. ใช้โดรนนับจำนวนผู้ชุมนุมได้ 6,000 คน คาดว่าช่วงเย็นจะมีมวลชนเข้ามาสมทบเพิ่มเติมจำนวนมาก คาดว่าจะถึง 10,000 คน ก่อน 18.00 น.คนดังขึ้นเวทีปราศรัยจวกยับจากนั้นเวลา 17.45 น. หรั่ง ร็อกเคสตร้า นักร้องชื่อดัง ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงรักเธอประเทศไทยและเพลงเราสู้ กระทั่งเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันเคารพธงชาติด้วยการร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีการฉายแสงสีธงชาติไทยแดงขาวและน้ำเงินบนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิสว่างไสวไปพร้อมกับการโบกธงชาติขนาดใหญ่ จากนั้นแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากนั้นหลังเวลา 18.00 น.เป็นต้นมา บรรยากาศการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยิ่งคึกคักเข้มข้นเมื่อเหล่าคนดังพากันขึ้นเวทีปราศรัยอย่างดุเดือด อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ ฯลฯ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าผู้มาชุมนุมที่มาจนแน่นพื้นที่ชี้นายกฯประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรงทั้งนี้ ในการอ่านแถลงการณ์ของคณะรวมพลังแผ่นดินฯ นายนิติธร ล้ำเหลือ เป็นตัวแทนประกาศแถลงการณ์ โดยระบุว่า เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา มิได้มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ไม่ได้ทำหน้าที่โดยประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ใช้อำนาจปกครองบ้านเมืองตามอำเภอใจ อยู่ภายใต้การบงการและการครอบงำจากต่างชาติ พฤติกรรมเป็นที่กระจ่างขัดต่อสายตาคนไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไร้ความสามารถ ประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำการในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติเข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ภายนอกราชอาณาจักร ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 5 มีพฤติกรรมสมคบคิดกับศัตรูที่มีการรุกล้ำอธิปไตย และการที่คณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุนให้เป็นนายกฯต่อไป จึงอาจถือได้ว่ามีพฤติกรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อชาติเข้าข่ายกระทำความผิดเฉกเช่นเดียวกัน จึงขอให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่งทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากรัฐบาลทันที“สนธิ” แฉคนทรยศทำชายแดนมีปัญหาขณะที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีสมเด็จฮุน เซน อย่างรุนแรง เรียกเสียงเฮจากกลุ่มผู้ชุมนุมดังลั่น โดยนายสนธิก่นด่าอย่างสาดเสียเทเสียว่าเป็นคนลิ้นสองแฉก คบไม่ได้ไม่ควรปิดด่านชายแดนแค่ 5 ด่าน แต่ไม่ควรคบหาสมาคมด้วย พร้อมระบุว่าการที่ตนมาขึ้นเวทีในรอบ 17 ปี ต้องมีแต่ได้ ไม่มีเสีย ไม่มีเจ๊า แต่ปัญหาใหญ่ของไทยคือระบบการเมืองไทยแม้จะไล่ “อิ๊งค์” ออกไป ก็จะได้คนไม่ดีมาเหมือนเดิม วันนี้คนไทยต้องเป็นหนี้ธนาคารทั่วประเทศเพราะระบบการเมืองไทยเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนรวย ปัญหาพื้นที่ชายแดนเกิดเพราะมีคนทรยศชาติบ้านเมือง เอ็มโอยู 2544 ทำให้ไทยต้องเสียดินแดน เพราะไปคิดหยวนๆกับเขมรมีส่วนได้เสียกับสมเด็จฮุน เซน ถ้าเราไม่จำประวัติ ศาสตร์จะถูกซ้ำรอยอีกครั้ง ตนไม่ได้ยุทหารให้ออกมาปฏิวัติ แต่ถ้าการเมืองมันแก้ไม่ได้ขออย่าเอา “พล.อ.” มาบริหารบ้านเมือง ขอให้ประชาชนเข้าไปแก้ปัญหาของชาติเอง โดยก่อนจะจบปราศรัยได้ถามว่าถ้าในอนาคตมีความจำเป็นต้องลงถนนเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองจะเอากับตนหรือไม่ด่านโอร์เสม็ดเปิดรับเขมรกลับ ปท.สำหรับบรรยากาศตามหน้าด่าน/จุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสุดสัปดาห์ ยังเงียบเหงา โดยที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทางฝั่งกัมพูชาได้เปิดประตูด่านฝั่งโอร์เสม็ด เพื่อให้แรงงานชาวกัมพูชาที่กลับจากทำงานยังต่างจังหวัดและในพื้นที่ข้ามแดนกลับประเทศกัมพูชาเช่นเดิม โดยช่วงเช้าพบแรงงานชาวกัมพูชาข้ามแดนประมาณ 60 คน ขณะที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เงียบเหงา ชาวกัมพูชาทยอยปิดร้าน เหลือเพียงร้านค้าคนไทยบางส่วนที่ยังเปิดค้าขายตามปกติ ขณะที่ประชาชนยังคงเดินทางเข้าไปหาซื้อสินค้าลดราคา หลังจากพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาพากันลดราคาสินค้าเพื่อหาเงินไปใช้ประทังชีวิตที่กัมพูชาปราสาทตาเมือนธมคึกคักส่วนที่ปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนาสามัคคี ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กลับมาคึกคักเมื่อนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เข้าเยี่ยมชมโบราณสถานแห่งนี้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ นายณัฐพล โพธิ์ล้อม หรือควาญเปา ได้นำช้าง 4 เชือก ได้แก่ ช้างพลายมิ่งมงคล (ชุดทหาร) พลายนะโม (ชุดทหาร) พลายอาม (ชุดออกศึก) พังอุ้มบุญ (ชุดพยาบาล) แต่งชุดทหาร ถือธงชาติเดินทางมาจากหมู่บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เข้ามาให้กำลังใจทหารในพื้นที่และนำอาหารและน้ำดื่ม ที่แฟนคลับของช้างรวบรวมกันมามอบให้กับทหาร สร้างสีสันให้กับพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยมีนักท่องเที่ยวและประชาชนให้ความสนใจร่วมถ่ายภาพกับช้างกันเป็นจำนวนมาก และในการมาครั้งนี้ ยังได้นำตะขอช้างมามอบเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับแม่ทัพภาคที่ 2 ด้วย ขณะเดียวกัน พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาให้กำลังใจทหารที่ประจำการดูแลปราสาท พร้อมทั้งพูดคุยกับทหารกัมพูชา เพื่อสร้างความเข้าใจและประสานการทำงานร่วมกันในพื้นที่ชายแดนรวบหนุ่มไทยมุดรั้วหนามข้ามแดนวันเดียวกัน เมื่อช่วงสาย จนท.ชุดปฏิบัติการร่วมกองกำลังบูรพา พบชายลักลอบมุดรั้วลวดหนามกั้นชายแดน ซึ่งเป็นลวดหนามหีบเพลง 3 ชั้น ที่กองกำลังบูรพานำไปวางขึงไว้ตลอดแนวชายแดน จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในไทย บริเวณระหว่างจุดตรวจ จต.อ.18-จต.อ.19 บ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงเข้าควบคุมตัว ตรวจสอบทราบชื่อว่า นายธนาวัตร อยู่ฤทธิ์ อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่เขต บางซื่อ กทม. ไม่พบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตข้ามแดน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ จต.อ.19 เบื้องต้นนายธนาวัตร อ้างว่าลักลอบออกไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในบ่อนกาสิโนชื่อสตาร์โกล ฝั่งปอยเปต ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ได้รับการติดต่อจากครอบครัวว่ามารดาป่วย จึงต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปเยี่ยมมารดา โดยมีชาวกัมพูชาพาลักลอบข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติ เสียเงินค่านำพา 3,400 บาท โดยชาวเขมรพามาส่งบริเวณชายแดนปอยเปตแล้วให้ตนมุดรั้วลวดหนามชายแดนเข้าไทยเอง จนกระทั่งมาถูกทหารพรานจับกุมตัวได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ หวั่นเป็นแก๊งบัญชีม้า แก๊งคอลฯปอยเปต จึงควบคุมนายธนาวัตรส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สอบสวนขยายผลต่อไปส่งเขมรป่วยกลับไปรักษาที่บ้านเกิดส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด แม้ไม่มีการเปิดประตูด่านตามปกติ แต่มีการร้องขอจากฝั่งกัมพูชา ทำให้หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 อำนวยความสะดวกตามหลักมนุษยธรรมให้กับผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบชาวกัมพูชากลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านเกิดคนร่วมชุมนุมแน่นเรือนหมื่นจากนั้นในช่วงค่ำ มีรายงานว่า ศปก.ส่วนหน้า แจ้งสถานการณ์การชุมนุมในห้วง 16.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. ว่าเวลาประมาณ 16.30-17.30 น. มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้ชุมนุมเข้ามาบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วจำนวน 17,000 ราย โดยรวมการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ผลปฏิบัติในภาพรวมของการตั้งจุดคัดกรองป้องกันเหตุอาชญากรรมทุกจุดจนถึงเวลา 19.00 น. ตรวจยึดมีดรวม 8 เล่ม และคัตเตอร์รวม 22 เล่ม โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปจบด้วยดี–ยอดชุมนุมพุ่งต่อมาเวลา 19.30 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกตรวจตราความเรียบร้อยตั้งแต่บริเวณสำนักงานเขตราชเทวี จนถึงพื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ และได้เข้าไปทักทายพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังเดินทางกลับ ทั้งนี้ พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่าภาพรวมการชุมในวันนี้ถือว่าเป็นไปด้วยดี เป็นไปอย่างสงบ ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ ส่วนปริมาณของผู้ชุมนุมมีจำนวนประมาณ 2 หมื่นคน ไม่ได้เกินจำนวนที่ตำรวจคาดการณ์เอาไว้ โดยการชุมนุมจะยุติในเวลา 21.00 น. ตามที่มีการพูดคุยกับแกนนำไว้ และเชื่อว่าไม่มีคนปักหลักค้างคืนในพื้นที่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่