จากสารตั้งต้นคดี “ฮั้ว สว.” กำลังพัฒนาไปสู่คดี “ยุบพรรค” เรียกว่าถนนทุกสายกำลังมุ่งไปทางนั้นด้วยเหตุนี้
พลพรรค “ภูมิใจไทย” ไล่ตั้งแต่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค จึงร้อนเป็นเดือดเป็นแค้นกันทั้งพรรค นอกจากออกมาตอบโต้ต่างๆนานาแล้ว
ยังประกาศฟ้องกลับคนที่ไปร้องให้ “ยุบพรรค” ด้วย
เพราะไม่ตอบโต้ หรือไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรคงไม่ได้ เพราะเรื่องกำลังลามออกไปทุกที นอกจากทำให้เสียหายแล้ว
อาจจะถูกยุบจริงๆก็ได้ เพราะทุกอย่างมันเกี่ยวพันไปหมด
โดยเฉพาะข้อมูลที่ออกมาว่า กกต.จะออกหมาย 10 คน ที่มีข้อมูลพบว่าเกี่ยวพันกับขบวนการฮั้ว สว. ซึ่งเป็นคนของ “ภูมิใจไทย” ทั้งสิ้น
มีทั้งรัฐมนตรี อดีต สส. นายก อบจ.และนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆหลายจังหวัดทุกภาค เนื่องจากพบว่าแต่ละพื้นที่จะมี สว.มากกว่าพื้นที่อื่นๆ
บางจังหวัดมี สว.เกินจำนวนที่ควรจะเป็น
อันแสดงว่ามีพฤติกรรมชวนให้น่าสงสัยยิ่งนัก
คำถามว่าทำไม “ภูมิใจไทย” จึงเป็นเป้าให้ถูกรุมสกรัม “ยุบพรรค” เบื้องต้นตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็คือ “หมั่นไส้” เพราะที่ผ่านมาชอบแสดงความเป็น “พระเอก” ทางการเมืองอยู่พรรคเดียว พรรคอื่นไม่ดีหมดนี้ไม่ใช่เฉพาะ “เพื่อไทย” เท่านั้น
“เพื่อไทย” นั้นไม่พอใจมานานแล้ว เพราะเป็นรัฐบาลมาด้วยกัน แต่ก็ขวางทุกเรื่องทุกประเด็น ปากก็บอกว่าหนุน “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี สุดหัวใจ
แต่พอหันหลังให้เท่านั้นเอาแล้ว...
ดีที่ “เพื่อไทย” มีความจำเป็นจะต้องมีเสียงสนับสนุนเพื่อ
ให้รัฐบาลบริหารประเทศไปนานๆ แม้ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังจำใจต้องเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้าให้เข้ามาหารือ
...
ทั้งๆที่ใจอยากเหม็นขี้หน้าเต็มประดาแล้ว
ได้แต่เสียดสีทิ่มแทงในโอกาสต่างๆ แต่ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา
ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆนั้นต่างเห็นว่านอกจาก “เพื่อไทย” แล้วไม่มีพรรคไหนจะก้าวขึ้นมายืนหนึ่งได้นอกจาก “สีนํ้าเงิน” นี่แหละ ยิ่งมี สว.อยู่ในมือยิ่งไปกันใหญ่ อีกทั้งชอบประกาศตัวพรรคนี้ “นํ้าเงินเข้ม”
การเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไปนั้น “ภูมิใจไทย” หวังจะชนะการเลือกตั้งได้เป็นแกนนำรัฐบาล “เสี่ยหนู” หวังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นอกจากพื้นที่อีสานที่รุกคืบไปได้หลายจังหวัดด้วยการช่วงชิงมาจาก “เพื่อไทย” ภาคอื่นๆ ก็รุกคืบไปได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ที่ปักธงมี สส.รออยู่แล้ว
เว้นแต่พื้นที่ กทม.เท่านั้นที่ไม่สามารถรุกคืบได้!
ก็เลยปล่อยให้ “เพื่อไทย” สู้กับ “ประชาชน” ตัดคะแนนกันเอง
ด้วยเหตุดังที่ว่ามานี้จึงทำให้นักการเมืองที่สังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ จึงต้องคิดและมองไปที่มุมเดียวกัน
คือจัดการ “ภูมิใจไทย” ด้วยการ “ยุบพรรค” ซึ่งเป็นหนทางดีที่สุด
“จารย์ใหญ่” อย่าง “เนวิน ชิดชอบ” ซึ่งมีวิชาอาคมแก่กล้าแค่ไหนก็เอาไม่อยู่
นอกจากนั้น “ทักษิณ” ก็วางแผนแก้เกมด้วยการให้ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ซึ่งคุมบังเหียน “กล้าธรรม” เจาะยางทุกแง่มุม
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อีสาน ใต้ ตะวันออก เพื่อปิดล้อมไว้ทั้งหมด
ทำไปทำมาแทนที่ “เพื่อไทย” จะขวาง “ประชาชน” ซึ่งเป็น คู่แข่งโดยตรง วันนี้ได้เปลี่ยนเข็มการเมืองใหม่หันมาล้อมกรอบ “ภูมิใจไทย” ดีกว่า
เพราะ “ประชาชน” นั้นถึงวันนี้กระแสเริ่มตกลงมาเรื่อยๆ ด้วยสภาพความจริงทางการเมืองที่ยังมิอาจสู้การเมืองเก่าได้
“ภูมิใจไทย” จึงต้องร้อง “ทำไมไม่มีใครรักแล้ว”...เอ่อเนาะ!
"สายล่อฟ้า"
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม