เรื่องใหญ่แต่เป็นข่าวเล็กๆตามหน้าสื่อ กรณีสำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ได้ออกแถลงการณ์ว่า ในการประชุม ก.ต.ครั้งที่ 13/2568 วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ จำนวน 3 ราย โดย ก.ต.ได้มีมติลงโทษให้ออกผู้พิพากษา 2 ราย และไล่ออกผู้พิพากษา 1 ราย
โดยการลงโทษไล่ออกผู้พิพากษา กรณีพฤติการณ์เป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย ร่วมรู้เห็นเรื่องการขอแลกเปลี่ยนเวร และร่วมขบวนการเกี่ยวกับการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวขัดต่อกฎหมายอันเป็นดุลพินิจที่ไม่ชอบ และไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ แสดงความชื่นชมการทำงานของ ก.ต.ถูกต้องดีแล้ว กรณีมีมติให้ผู้พิพากษาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเพิกถอนหมายจับของ “สว.ทรงเอ” ในคดียาเสพติด ที่ได้อภิปรายเปิดโปงในสภา เมื่อปี 2566 เกี่ยวข้องกับคนระดับอดีตรองอธิบดีศาลอาญา
สส.จอมแฉคนดังยังระบุด้วยว่า กรณีนี้คงจะมีการวิ่งเต้นกันน่าดู จึงกล้าถอนหมายจับ และยังเรียกตำรวจที่ทำคดีไปตำหนิโดยไม่ให้เกียรติ นอกจากที่ตนเองได้เคยทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ก.ต.แล้ว ยังได้ร้องเรียนไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย ก็ต้องจับตา เมื่อ ก.ต.มีมติแบบนี้ ป.ป.ช.จะว่าอย่างไร
และที่น่าจะหนาวๆร้อนๆ ก็คือ นายตำรวจใหญ่ทั้งที่เกษียณไปแล้วและยังมีตำแหน่งหลักอยู่ในนครบาล ตามข้อมูลที่นายรังสิมันต์ ได้ย้อนข้อมูลเก่า เปิดโปงพฤติการณ์เบื้องหลังสั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนถอนหมายจับ “สว.ทรงเอ” ในเมื่อ ก.ต.ลงดาบฟันผู้พิพากษาถึงขั้นไล่ออก ตอกย้ำพฤติการณ์มิชอบในขบวนการวิ่งเต้นผิดกฎหมาย
...
อีกด้านสำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอข้อมูล ผู้พิพากษาที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เป็นกรณีการแทรกแซงการเพิกถอนหมายจับอดีต สว.คนดัง ในคดีพัวพันเครือข่ายยาเสพติดของ “ทุนมินลัต” ชาวพม่า เป็นผลสืบเนื่องจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงษ์พิพัฒน์ พนักงานสืบสวนในคดี ได้ยื่นร้อง ก.ต.ฐานแทรกแซงการถอนหมายจับผู้ต้องหา
นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันตุลาการ เสาหลักในกระบวนการยุติธรรมที่ยังปักหลักแน่นและมั่นคงในการดำรงไว้ซึ่งมาตรฐานทางกฎหมาย แม้ต้องใช้เวลานานหน่อยในกระบวนการตรวจสอบพฤติการณ์ ข้าราชการขี้ฉ้อ โดยเฉพาะในแวดวงของผู้พิพากษาที่ไม่ค่อยพบบ่อยนัก ในเรื่องคนที่หลงผลประโยชน์จนลืมศักดิ์ศรีบนบัลลังก์ตาชั่ง.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม