ตามรูปการณ์แล้วคงต้องสู้กันจนยกสุดท้ายจบลงด้วยการ “ยุบสภา” แล้วมาว่ากันใหม่ เพราะยิ่งสู้ยิ่งเข้าเนื้อจนไม่หมดทางเลือกอย่างอื่น

ทั้ง “แดง”-“น้ำเงิน” ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบเสียเปรียบ

เพราะต่างก็มีแผลติดตัวด้วยกันทั้งนั้น

อย่างฝ่าย “น้ำเงิน” ไม่ใช่แค่เรื่อง สว.เท่านั้น แต่กำลังลามไปถึงแกนนำที่อยู่ข้างหลังคอยวางแผนแยบยล แต่ปรากฏหลักฐานตามที่ดีเอสไอไปสืบเสาะได้

จุดนี้แหละคือจุดตายที่พัวพันไปถึงเรื่อง “ยุบพรรค” ได้

แล้วใครจะไปเสี่ยงให้ตกม้าตายล่ะ...

ล่าสุด สว.ลอตแรกที่มีรายชื่อระดับคน “หน้าจอ” ไม่ว่าจะเป็น “มงคล สุระสัจจะ” ประธาน  สว. “พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” รองประธาน สว. ได้เข้าชี้แจงกับ กกต.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงความเป็นไป

ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วมีความมั่นใจแบบไม่วิตกทุกข์ร้อน

เพราะมั่นใจว่าไม่มีทางเอาผิดพวกเขาได้!

ก็อย่างว่าแหละเดินทางถึงขั้นนี้คงมิใช่ธรรมดาๆ แบบ ม้วนเดียวจบเพราะต้องมีแบ็กดีเส้นแข็งไม่ธรรมดาแหละ

ฉายภาพให้ดูก็คงพอจะมองเห็นแนวทางการต่อสู้ได้ไม่น้อย อย่างหนึ่งก็คือศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ “ทวี สอดส่อง” ที่คุมดีเอสไอหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นเบื้องต้นก่อนที่จะทำการสอบสวนว่ามีการกระทำแทรกแซงหรือเปล่า

นี่เป็นตัวอย่างเบื้องต้น!

ในส่วนของคดีก็มีอีกหลายขั้นตอนที่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ผลจะออกด้านไหน เมื่อ กกต.สอบสวนเบื้องต้นแล้วก็ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน

อนุกรรมการสอบสวนแล้วเสนอให้เลขาธิการ กกต.พิจารณาว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะส่งให้ กกต.ชุดใหญ่วินิจฉัยว่าจะดำเนินคดีต่อไปได้หรือไม่

ถ้าไม่ผ่านตรงนี้ก็จบ

...

จากนั้นก็ต้องส่งให้ศาลวินิจฉัยว่ามีความผิดหรือไม่ ซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอสมควรหากเห็นผิดก็ยังอุทธรณ์ได้

ถ้าไม่ผิดก็รอดตัวไป!

นอกจากนั้นยังมีเงื่อนไขสำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือเงื่อนไขเวลาที่ไม่สามารถผิดหากเกินเวลาที่กำหนด

แม้จะยังไม่ชัดว่าเวลาไหนวันไหนแน่

แต่หากเลยเวลานี้ไปไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่มาครบกำหนดเกณฑ์ในการทำหน้าที่

พูดง่ายๆคือขาดอายุความแล้ว

ประเด็นนี้จะเห็นว่าดีเอสไอพยายามที่จะเร่งดำเนินคดีให้เร็ว เพราะหากเลยเวลานี้ไปแล้วจะไม่สามารถเอาผิดได้

ถือเป็น “เอกสิทธิ์” ตามกฎหมาย

ก็อย่างที่รู้กันดีว่าเมื่อเป็นประเด็นการเมือง โอกาสที่จะเกิดความพลิกผันได้ทุกรูปแบบ เพราะมีช่องทางที่พลิ้วผ่านรอดไปได้

แต่ที่แน่ๆประเด็นนี้น่าจะเดินไปช้ากว่าคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ เพราะเรื่องนั้นได้มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้

ที่สำคัญคือไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากนัก

ตรงนี้ก็น่าจะเป็นอีกปมหนึ่งที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ในประเด็น สว.ได้ เพราะถ้าผลออกมาเป็นลบ

รัฐบาลคงอยู่ไม่ได้

ก็จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปทันที!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม