ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตั้งท่าจะกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมอีกครั้ง ตามแนวโน้มหลังเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรรอบใหม่ ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ รัฐบาลจะเดินหน้านำ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภา เพื่อพิจารณารับหลักการในวาระแรก
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า จากการลงพื้นที่ของ สส.ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา พบว่าเสียงสะท้อนของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่มีปัญหาเรื่องการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เพราะได้ทำความเข้าใจชัดเจนว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่กาสิโนถูกกฎหมาย
นายสรวงศ์ระบุด้วยว่ามีแนวคิดจัดเวทีนำฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านมาพูดคุยด้วยเหตุผล ทำความเข้าใจว่ากฎหมายดังกล่าวต้องการดึงดูดนักลงทุน ไม่ใช่ทำกาสิโน ขออย่าปิดกั้นโอกาสประเทศไทย โดยเสนอให้คนกลางหรือนักวิชาการเป็นผู้จัดเวทีแทนรัฐบาล เพราะเกรงจะถูกมองมีการตั้งธงไว้ และเชื่อว่าคนคัดค้านมีไม่ถึง 10%
รัฐบาลเตรียมท้าลุยไฟนำร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร มาพิจารณาในสภาโดยเร็ว โดยใช้การลงพื้นที่ 3 เดือน ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อลดกระแสต่อต้านนอกสภา แม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีก็ยังช่วยออกโรงชี้แจงในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ให้เกิดความชัดเจนขึ้นอีกทาง
แต่ดูเส้นทางแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเสียงพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะมีเอกภาพเห็นพ้องไปในทางเดียวกัน ขณะที่เสียงนอกสภา ก็ยังตรึงกำลังคัดค้านอย่างหนัก กระจายไปทุกเหล่าวิชาชีพ บรรดาแกนนำม็อบประกาศเตรียมระดมพลลงถนน หากรัฐบาลยังยืนกรานเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสภา
แม้แต่นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังเป็นห่วง หากประเทศไทยจะสร้างคอมเพล็กซ์ใหญ่ ควรเป็นเรื่องสุขภาพที่กระจายไปทุกภูมิภาค ไทยมีจุดแข็งครบถ้วนสามารถเป็นผู้นำระดับโลกได้ ส่วนกาสิโนคือเรื่องสุ่มเสี่ยง ไทยไม่มีประสบการณ์และขาดความน่าเชื่อถือด้านการบังคับใช้กฎหมายที่จะทำได้อย่างสิงคโปร์
...
เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรรับฟังคำท้วงติงทุกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน ไม่ควรยึดแค่วาทกรรมนักการเมืองที่อ้างเสียงสะท้อนประชาชนจากการไปรับฟังความเห็นในช่วงสั้นๆหลายประเทศที่มีนโยบายกาสิโนถูกกฎหมายแล้วล้มเหลวก็มีให้เห็นมากมาย เพราะผลกระทบความเสียหายที่จะตามในด้านสังคม ก็สำคัญไม่น้อยกว่าด้านเศรษฐกิจ.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม