เข้าสู่ตำแหน่งแบบผิดจังหวะมันก็เลยต้องเจอปัญหาประเดประดังรอบทิศ เพราะเดิมทีตามแผนที่วางเอาไว้ คือ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรีจนครบเทอม 4 ปี แล้วเลือกตั้งใหม่ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่แต่งตัวรออยู่แล้ว
ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
แต่ผิดแผนเสียก่อนเพราะ “เศรษฐา” ต้องพ้นจากตำแหน่งกลางคัน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติ
ก็เลยต้องทำหน้าที่แทน แม้จะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเหลืออีก 1 คน คือ “ชัยเกษม นิติสิริ” แต่เนื่องจากสุขภาพไม่เอื้ออำนวย
แต่ความจริงทางการเมือง หากให้ “ชัยเกษม” เป็นนายกรัฐมนตรี เจอกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นก็คงรับมือไม่ไหว
“เจ้าตัว” คงแอบดีใจ เพราะหากตัดสินใจผิดวันนี้ก็ดูไม่จืด
เพราะขนาด “อิ๊งค์” ที่พร้อมมากกว่าหลายเท่า เจอเข้าไปถึงกับเหนื่อย เครียดเพราะปัญหามันรุมเร้าหนักมาก
ยิ่งประสบการณ์น้อย ผ่านงานการเมืองแบบผิวเผินขับอาการดูออกว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้จะมี “นายใหญ่” ผู้พ่อช่วยเหลือแบบจะเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
ก็พลิกตำราแทบไม่ทัน!
ทุกอย่างไม่ได้อย่างใจ แถมยังมีปัญหาระดับโลกที่กระทบเศรษฐกิจยิ่งหนักเข้าไปอีก แม้แต่ในรัฐบาลเองก็ทำงานไปคนละทาง
คือขัดแย้งกันเอง...
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่สภาพการณ์บีบให้นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจปรับ ครม. แม้มีอำนาจเต็มๆแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ใน “เพื่อไทย” เองแค่พรรคเดียวก็วุ่นไม่รู้จบ
ตำแหน่งสำคัญๆที่เป็นหัวใจของปัญหาโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ปรากฏว่าคนที่ต้องการได้ก็ไม่ยอมมา แต่คนที่ไม่อยากได้ก็ดิ้นที่จะเป็นรัฐมนตรี
...
ปัญหาเศรษฐกิจนั้นรับรู้กันดีว่าแก้ไขได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามากำหนด โดยเฉพาะการที่รัฐบาลไม่มีเงิน
เพราะนำเงินก้อนใหญ่ไปใช้ในนโยบายประชานิยม “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกหัวละหมื่น ละเลงไปแล้วหลายแสนล้าน แต่ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นมาอย่างที่คาดหวัง
วันนี้ต้องการเงินก้อนใหญ่เพื่อนำมาพยุงเศรษฐกิจจากผลกระทบจากการที่สหรัฐฯขึ้นภาษี ซึ่งรัฐบาลต้องการเงิน 5 แสนล้าน
แต่ไม่มี ก็ต้องใช้วิธี “กู้” แต่ยังตัดสินไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร เพราะมีเสียงค้านว่าจะต้องใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด
ไม่ใช่นำไปใช้อย่างอีลุ่ยฉุยแฉก
ถามว่าวันนี้ผู้นำประเทศเป็นอย่างไร?
ก็มีอาการเครียดปรากฏให้เห็นกันแล้วคือ “ไข้ขึ้น” ต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากกลับจากเยือนกัมพูชา
เรื่องปรับ ครม.นั้นนายกรัฐมนตรีคงไม่อยากปรับเท่าใด เพราะเกิดปัญหาขัดแย้งภายในพรรค แต่สภาพของปัญหานั้น
ไม่ปรับก็ไม่ได้
เพราะวันนี้เสียงบ่นจากประชาชนดังมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้องสินค้าราคาแพงขึ้น แต่รายได้น้อยลง
บรรดาห้างร้านต่างๆก็อยู่ในภาวะไม่ต่างกัน
คือขายของไม่ได้!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม