เป็นคราวเคราะห์ร่วมประเทศไทยและเมียนมา ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์วิกฤติภัยธรรมชาติ จากธรณีพิบัติภัย แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินตามมา และไม่ว่าจะเป็น ฝั่งใดจะเจอสถานการณ์หนักหน่วงกว่า แต่ที่สำคัญคือเรื่องของน้ำจิตน้ำใจที่มิตรประเทศพึงแสดงออกต่อกันในยามทุกข์ยาก
ล่าสุดรัฐบาลไทยโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลจากกองทัพไทย เดินทางไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมาส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่สำคัญ ได้แก่ เมืองมัณฑะเลย์ เนปิดอว์ และย่างกุ้ง
ภารกิจนี้มีการจัดส่งกำลังพลจากหลายหน่วยงานหลักเข้าร่วม จำนวนรวม 55 นาย แบ่งเป็น 8 ชุด ได้แก่ ชุดค้นหา และกู้ภัยในเขตเมือง (USAR) จากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กำลังพลจากกองบัญชาการกองทัพไทย และชุดแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อนที่เร็ว (MERT) จากสำนักนายแพทย์ทหาร รวมถึงชุดสนับสนุนภารกิจอื่นๆ
โดยกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นหน่วยหลักจัดตั้ง “ชุดช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา ในพื้นที่เมืองเนปิดอว์” ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงดูแลคนไทยในเมียนมา มีแผนการปฏิบัติเช่น การค้นหาและกู้ภัยทางการแพทย์ฉุกเฉิน ตั้งโรงพยาบาลสนามเบื้องต้น ประเมินความเสียหาย และการสื่อสารข้อมูลข่าวสาร
ทั้งหมดเป็นพันธกิจด้านมนุษยธรรมของไทย สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นความตั้งใจของไทยในการยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเมียนมาในยามวิกฤติ รวมทั้งเสริมบทบาทของกองทัพไทยในมิติความมั่นคงเชิงมนุษยธรรม และช่วยในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคระยะยาว
ในช่วงเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และนายภูมิธรรม ออกมาเปิดเผยตรงกัน กรณีรัฐบาลเมียนมาออกคำสั่งอภัยโทษ พร้อมปล่อย 4 ลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับกุมกรณีรุกล้ำดินแดน และถูกคุมขังในเมียนมาเมื่อปลายปี 2567 หลังจากนี้ลูกเรือทั้งหมดเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย
...
ถึงแม้มีความล่าช้าในการปล่อยตัว แต่สุดท้ายก็สำเร็จ เนื่องจากการประสานงานกันใกล้ชิดทุกระดับ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ กับรัฐบาลเมียนมา เหนืออื่นใดคือความเป็นมิตรประเทศเพื่อนบ้านที่ดี หลายเรื่องที่เป็นปัญหาสามารถยุติได้ ก็ด้วยการพูดคุยเจรจาแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยระหว่างกัน.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม