ตามรูปการณ์และความเป็นไปแล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้รัฐบาลไม่ได้กลัวเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล
แต่หวั่นไหวกับการอภิปรายในสภามากกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่พาดพิงถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่มีบทบาทสูงสุดในรัฐบาลชุดนี้จึงพยายามหาทางที่จะปิดกั้นไม่ให้เอ่ยถึง
อย่างกรณีที่ประธานสภาสั่งให้ฝ่ายค้านถอนชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ อ้างว่าจะเกิดปัญหาเพราะเป็น “คนนอก” ที่ไม่สามารถชี้แจงในสภา เกรงว่าจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น
เพราะประธานสภาก็จะติดร่างแหไปด้วยเนื่องจากเป็นผู้บรรจุวาระ
ถึงขั้นบอกว่า ถ้าไม่เอาชื่อออกก็จะไม่บรรจุในระเบียบวาระ ทำให้ไม่สามารถเปิดซักฟอกได้ เรียกว่าขู่ปิดเกมกันเลยทีเดียว
ก็ต้องดูว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร เพราะถ้าฝ่ายค้านไม่ปฏิบัติตามก็จะไม่มีการอภิปราย เพราะอำนาจอยู่ในมือของประมุขสภา
ที่ว่าไม่กลัวจะเกิดปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมนั้น การพบกันของ 4 ผู้นำทางการเมืองที่บ้านจันทร์ส่องหล้าคือ “ทักษิณ-แพทองธาร-อนุทิน-เนวิน” นั้น
ย่อมการันตีได้ระดับหนึ่ง ยิ่งเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแสดงออกด้วยการสั่งลูกพรรคและรัฐมนตรีของพรรคต้องอยู่ห้องประชุมระหว่างการอภิปราย เพื่อช่วยเหลือนายกรัฐมนตรี
ก็ยิ่งชัดเจน!
นอกจากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “กล้าธรรม” ของ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่บอกว่าไม่ใช่แค่ สส.ของพรรค 24 คนเท่านั้น
แต่ยังมี สส.ที่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลอีก 10 คน จะช่วยยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรีด้วย
แบบนี้ก็คงไม่ต้องพูดถึงว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เพราะพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอื่นๆก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มีก็แต่ประชาธิปัตย์ที่ สส. 4 คนที่แสดงบทบาทค้านในรัฐบาล ว่าจะลงมือให้หรือไม่เท่านั้น
...
เป็นอันว่าศึกครั้งนี้ “อิ๊งค์” ผ่านแน่!
ก็ต้องดูต่อไปว่า หลังการอภิปรายผ่านไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น เพราะโดยปกติทั่วไปหลังเสร็จศึกก็มักจะมีการปรับ ครม.
เพื่อให้รัฐบาลกระฉับกระเฉงมากขึ้นหลังเสร็จศึก
“เพื่อไทย” นั้นจับยามสามตาดูแล้วคงมีการปรับแน่ แต่เป็นการปรับเล็กๆ ที่เห็นตัวตนแล้วหนึ่ง น่าจะเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์
เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำได้
ยิ่งไปตอบกระทู้ในสภาบอกว่าให้ปลูกกล้วยแทนข้าวก็ยิ่งไปกันใหญ่
ความจริงมีโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ และดูคนใน “เพื่อไทย” เองก็แทบจะไม่มีใครช่วยปกป้อง
คือปล่อยลอยแพไปตามยถากรรมมากกว่า
พรรคการเมืองอื่นๆ คงไม่น่าจะมีการปรับ เพราะเข้าที่เข้าทางอยู่แล้ว ยิ่งบางพรรคค่อนข้างมีปัญหาภายใน อาจเกิดแรงกระเพื่อมได้
อยู่เฉยๆน่าจะดีที่สุด!
หรือที่มีข่าวว่า “เพื่อไทย” จะขอแลกกระทรวงกับ “ภูมิใจไทย” นั้น สถานการณ์การเมืองอย่างนี้คงไม่กล้า
แค่เอาตัวรอดให้ผ่านไปได้ก็ดีถมแล้ว
เพราะยังมีงานใหญ่ที่ต้องผลักดันและต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “ภูมิใจไทย” จึงต้องสามัคคีกันเอาไว้ก่อน
จนกว่าจะสร้างผลงาน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ทรุดหนักให้โงหัวขึ้นมาก่อน
จากนั้นค่อยมาว่ากันจะเดินเกมอย่างไรต่อไป!
"สายล่อฟ้า"
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม