“ประธาน กคพ.” แจงรับคดีพิเศษฮั้วเลือก สว.ฐานความผิดฟอกเงิน ไม่มีการเมืองแอบ แฝง ใช้ดีเอสไอโจมตีฝ่ายตรงข้าม ย้ำเดินหน้าสอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกระบวนการเลือก สว.ถูกต้องและโปร่งใส “ทวี” ขีดเส้นพนักงานสอบสวนให้เสร็จใน 3 เดือน ยันมีพยาน 7 พันคน พบเงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท “อนุทิน” ปัดดีลลับบ้านจันทร์ส่องหล้าตัดตอนฐานความผิดคดีอั้งยี่ ปล่อยมุกรัฐบาลไม่กินเกาเหลา เสือตัวเมีย-เสือตัวผู้อยู่ถ้ำเดียวกันได้ “โรม” เหน็บคนนอกแทรกแซงคลอดมติแปลกประหลาด กรรมการสายตำรวจชิ่งหนีไม่เห็นหัว “นายกฯ-ภูมิธรรม” “วันนอร์” ให้ ปชน.ถอดชื่อ “ทักษิณ” พ้นญัตติซักฟอกนายกฯ “ณัฐพงษ์” จ่อยื่นหนังสือโต้แย้ง ลั่นผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว โวยไม่มีเหตุผลมาเซ็นเซอร์ฝ่ายค้าน “แพทองธาร” หารือ บ.ยักษ์ใหญ่ เพิ่มโอกาสจิวเวลรีไทยจีบห้างดังสวิสเปิดตลาดสินค้าไทยไปยุโรป

กรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติให้รับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ เฉพาะในความผิดฐานฟอกเงิน ถูกจับตาเป็นเกมการเมืองต่อรองอำนาจกันระหว่างผู้มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย (พท.) กับ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ชี้แจงย้ำว่าเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง และยืนยันความโปร่งใสของกระบวนการเลือก สว.เท่านั้น

“ภูมิธรรม” ย้ำคดีฮั้ว สว.ไร้การเมืองแฝง

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 7 มี.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในการทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เนื้อหาสรุปว่า ความโปร่งใสคือหัวใจของความชอบธรรม วันที่ 6 มี.ค. กคพ.มีมติให้กรณีการสมคบกันในความผิด ฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว.เป็นคดีพิเศษ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการตรวจสอบข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสของกระบวนการเลือกตั้ง สว. การตัดสินใจครั้งนี้ดำเนินการตามหลักกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างรอบด้าน และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบนิติบัญญัติของประเทศ ใช้ข้อกฎหมายตรวจสอบ ไม่ใช่เรื่องการเมือง และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่การใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การสืบสวนของดีเอสไอมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันความโปร่งใสของกระบวนการเลือกตั้ง สว.ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการใช้อำนาจนิติบัญญัติและการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระในอนาคต

...

มุ่งสร้างความเชื่อมั่น สว.มาถูกต้อง

นายภูมิธรรมระบุด้วยว่า สว.มีบทบาทสำคัญในการถ่วงดุลอำนาจ และกำกับดูแลการบริหารราชการ แผ่นดิน มีอำนาจให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระต่างๆ หากการได้มาซึ่ง สว.มีข้อกังขาเกี่ยวกับการทุจริตหรือการสมคบกันเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบนิติบัญญัติและกระบวนการยุติธรรม โดยรวม กระบวนการวันนี้ผู้ถูกล่าวหายังต้องมีการสอบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาตัดสินของศาล จึงจะถือเป็นข้อสรุปสิ้นสุด ฉะนั้นความโปร่งใสคือรากฐานของประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ดีเอสไอใช้อำนาจตามกฎหมายสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สว.เป็นเรื่องที่จำเป็น ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นเรื่องหลักนิติรัฐและความยุติธรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สว.ที่ได้รับเลือกมาปฏิบัติหน้าที่ เป็นตัวแทนที่มาจากกระบวนการที่ถูกต้องและโปร่งใส รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมสนับสนุนให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าการเลือกตั้ง สว.เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นี่คือหลักการสำคัญของการบริหารประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมที่รัฐบาลมุ่งมั่นดำเนินการอย่างจริงจัง

มีพยาน 7 พันคนเงินสะพัดกว่า 300 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า มติ กพค.รับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงินทำได้ จากการสอบสวนพยานเชื่อได้ว่ามีเงินสะพัดในการเลือก สว. ครั้งนี้กว่า 300 ล้านบาท มูลค่าเข้าข่ายฟอกเงิน ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษได้ด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่จำเป็นต้องพิจารณาความผิดเรื่องการจ้างให้ดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อั้งยี่ซ่องโจรและความผิดฐานยุยงส่งเสริมไม่ให้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ หรือการครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ หากสอบสวนความผิดฐานฟอกเงินและพบการกระทำที่เข้าข่ายความผิดเหล่านี้ รวมถึงความอาญาที่เกี่ยวข้องให้ถือเป็นคดีพิเศษไปได้เลย ส่วนความผิดฐานอั้งยี่ การได้มา ซึ่ง สว.หรือการฮั้วและความผิดอื่นๆ เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ตามมาตรา 116 (3) ที่มีการร้องทุกข์ไว้ หากมีความเชื่อมโยงให้ถือเป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอมีพยานประมาณ 7,000 คนเข้าไปในพื้นที่เลือก สว.ระดับประเทศที่เมืองทองธานีถึง 3,000 คน ได้ส่งหนังสือขอให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพิสูจน์ความผิดไม่ต้องห่วง โดยได้ให้นโยบายดีเอสไปแล้วจะต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน เพราะเขาสอบมานานแล้ว

ปัดล้วงลูก กกต.ยันขอให้เราทำ

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการใช้เงินจูงใจให้เลือกเข้าข่ายซื้อเสียง อยู่ในอำนาจของ กกต. ดีเอสไอพยายามล้วงลูก กกต.โดยอ้างกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่ใช่ มันเหมือนบริษัทหลบเลี่ยงภาษีมีความผิดหลายกรรม แต่อันนี้เป็นความผิดอั้งยี่ มีการสมคบกันกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นหนึ่งความผิดแล้ว เมื่อถามอีกว่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เพื่อให้ได้คดีนี้มาอยู่ในมือ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่ใช่ มีผู้มาร้องทุกข์และมีการ สืบสวน จริงๆแล้ว กกต.เป็นฝ่ายมาขอให้เราทำ เราจึงต้องร่วมมือกับ กกต. เมื่อพบพยานหลักฐานแล้ว กกต.นำไปพัฒนานิดหน่อยและใช้ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อถอดถอนได้ คิดว่าหลักฐานที่มีการจ่ายเงินน่าจะถึง 20 คน ถ้า กกต.ร่วมมือกัน ตอนนี้คิดว่าเขาร่วมมือเพราะส่งหนังสือมา และเราไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจเขา ตราบใดที่เขายังไม่ยกเลิก ดีเอสไอและตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนคดีฮั้วเลือกสว. เราพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ เพราะอำนาจ กกต.คือการเดินหน้าถอดถอนบุคคลที่ได้ซึ่งตำแหน่ง สว.โดยมิชอบ

เมิน สว.สู้กลับ ถ้ากระจ่างจะสง่างาม

“ไม่กังวลที่ สว.ตอบโต้ยื่นถอดถอนจากตำแหน่ง ฐานกระทำความผิดจริยธรรมร้ายแรง และเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพราะความยุติธรรมไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่สำคัญเท่ากัน เรื่องนี้พิจารณาให้ดีกระทบต่อความมั่นคงด้านนิติบัญญัติ อำนาจการออกกฎหมายก็กระทบ อยากเรียนถึง สว.ถ้าสอบสวนออกมาท่านมาไม่ผิดจะได้สง่างาม จะไม่ใช่ความรู้สึกแก้ปัญหา จะใช้พยานหลักฐานเท่านั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลและไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรี ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของพนักงานสอบอัยการและผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ต้องทำอย่างรวดเร็ว” รมว.ยุติธรรมกล่าว

“อนุทิน” โต้โยงดีลลับจันทร์ส่องหล้า

เมื่อเวลา 13.30 น.ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รอง นายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการมอบนโยบายการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของ มท. จากนั้นนายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กคพ.รับพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ฐานความผิดฟอกเงิน ถูกหลายฝ่ายมองใช้หน่วยงานของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมืองว่า ไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ กคพ.ลงมติในรูปแบบกรรมการ เมื่อถามว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถูกตั้งข้อสังเกตในอนาคตมีพรรคอื่นคุมกระทรวงยุติธรรม มีโอกาสใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือทางการเมือง นายอนุทินตอบว่า “คงไม่หรอกมั้ง เพราะข้าราชการประจำคงมีแนวทาง อะไรเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบไม่ถูกด้วยกฎหมาย เขาไม่ปฏิบัติอยู่แล้ว” เมื่อถามว่านายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุเหตุที่ผลของดีเอสไอออกมาแบบนี้มาจากดีลลับบ้านจันทร์ส่องหล้า นายอนุทินหัวเราะส่ายหัวก่อนตอบว่า “พูดอะไรของท่านไปเรื่อย จริงบ้างไม่จริงบ้าง”

เสือตัวเมีย-ตัวผู้อยู่ถ้ำเดียวกันได้

เมื่อถามว่า มีการมองว่ารัฐบาลเหมือนเสือ 2 ตัวอยู่จะอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ นายอนุทินกล่าวติดตลกว่า เสือตัวหนึ่งตัวผู้ ส่วนอีกตัวเป็นเสือตัวเมีย ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าผลของดีเอสไอที่ออกมาไม่เกี่ยวข้องกับการพูดคุยที่บ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรื่องนี้ยิ่งไม่เกี่ยวเข้าไปใหญ่ มีดีลลับอะไร หากลับจริงคนจะรู้ได้อย่างไร ไปหาทำอะไรอย่างเปิดเผย ไปพบใครเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าไปพบใครแล้วต้องมารายงาน แต่ถ้าใครรู้เราก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อถามว่าเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้ารอบนี้กินมาม่าหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า รอบนี้กินเล็กแห้งลูกชิ้นปลา ไม่มีเกาเหลา รักกันๆ

“โรม” เหน็บล็อบบี้หั่นทิ้งอั้งยี่ซ่องโจร

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณี กคพ.รับคดีฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษเฉพาะฐานความผิดฟอกเงินว่า เข้าใจว่ามีปัญหาเรื่องการล็อบบี้ จึงแปลกประหลาดแค่เริ่มต้นพิจารณาตำรวจหายไปถึง 3 คน ตำรวจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกฯเองยังเอาไม่อยู่เลย ไม่สนใจทั้งนายกฯ และรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ต้องยอมรับว่ามีผู้มาเกี่ยวข้องแทรกแซง แล้วทำให้กระบวนการของดีเอสไอดูแปลกประหลาด แทนที่จะตั้งต้นได้จากอั้งยี่ซ่องโจร แล้วไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจะเดินไปได้ดีกว่า รัฐบาลพยายามเปิดปฏิบัติการอย่างหนัก แต่มีบุคคลภายนอกเข้ามาแทรกแซง เอาผิด สว.ชุดนี้ด้วยฐานคดีอั้งยี่ซ่องโจรไม่ได้จึงมีปัญหา ศักยภาพรัฐบาลมีมากน้อยแค่ไหน เพราะนายกฯไม่มีภาวะผู้นำ ไม่มีศักยภาพในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อว่ามีการต่อรองดีลการเมือง ไม่อยากเดาว่าเกี่ยวข้องกับการที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ทุกย่างก้าวของฝ่ายการเมืองนำไปสู่การตั้งคำถามที่ประชาชนสงสัย และรู้สึกไม่ดีกับรัฐบาลนี้เพิ่มขึ้น

สะท้อน รบ.อ่อนแอ ตร.ไม่เห็นหัว

นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าสถานภาพรัฐบาลมีความไม่แน่นอนสูง เป็นสภาวะเสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน ทำให้ปัญหาความเป็นเอกภาพของรัฐบาลเกิดขึ้นมีการปะทะกันระหว่างการทำงานของ 2 ขั้ว จะบอกว่าเสือตัวไหนแข็งแรง ดูแค่ที่นั่ง สส.ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยมากกว่านั้น เป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เสถียรภาพรัฐบาลอ่อนแอลง ผนวกกับมีผู้มีอำนาจนอกรัฐบาลเข้ามาเป็นปัจจัยล็อบบี้ต่างๆ ทำให้ดีเอสไอไม่สามารถจะทำคดีนี้เป็นคดีพิเศษได้เต็มที่ การตั้งข้อกล่าวหาจึงดูค่อนข้างแปลกประหลาด และต้องถามกลับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ ถึงปล่อยให้เวลาเนิ่นนานขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ กกต.น่าสงสัยเหมือนกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำความผิดด้วยหรือไม่

“อังคณา” ชี้ขาใหญ่เคลียร์ก่อนแล้ว

ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวถึงมติ กคพ.ให้รับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงินว่า แปลกใจที่ฝ่ายตำรวจไม่มาร่วมประชุมให้ครบ ทำให้มีผลต่อการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ที่ กคพ.รับเป็นคดีพิเศษกรณีฟอกเงิน ไม่แปลกใจ เพราะมีการพูดคุยกันแล้วระดับหนึ่งระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรค ภท. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ส่วนที่ สว.อาจยื่นอภิปรายซักฟอกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ไม่เห็นด้วย เป็นการฟ้องปิดปาก แม้จะมีสิทธิทำได้ แต่คงไม่ไปร่วมด้วย กรณีการตรวจสอบของดีเอสไอ อย่าให้เป็นเครื่องมือการต่อรอง หากมีการสืบจากคดีฟอกเงินแล้วพบว่าเป็นการอั้งยี่ แล้วใช้ข้อเท็จจริงเป็นเครื่องต่อรอง สังคมจะไม่ได้ประโยชน์ รัฐบาลแต่ละสมัยพบว่าดีเอสไอถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จนมีอดีตอธิบดีเคยติดคุก ดีเอสไอต้องพิสูจน์ตัวเองไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เชื่อไร้หลักฐานคุ้ยเส้นทางเงิน

นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. กล่าวว่า ดีเอสไอจะตรวจสอบคดีฮั้วเลือก สว.ประเด็นฟอกเงินอย่างไร ไม่เหมือนคดีแชร์ลูกโซ่ คดีหลอกลวงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีมูลค่าเสียหาย และเส้นทางเงิน ดีเอสไอต้องพิสูจน์คดีฮั้วเลือก สว.ให้ได้มีเส้นทางเงินมาจากไหน หรือหากสอบแล้วพบว่าเสียหายไม่ถึง 300 ล้านบาท ต้องยุติการสอบสวน มั่นใจไม่มีหลักฐานถึงเส้นทางการเงิน เพราะ สว.ไม่ได้ฮั้ว แต่พวกสอบตกทำคะแนนไม่ได้จึงมาร้องว่าคนอื่นฮั้ว เป็นกลุ่มเดียวกับที่ปิดห้องลับหารือ 400 คน และยังมีกลุ่มอื่นๆเป็นกลุ่มปลายแถว แต่ทำไม่สำเร็จจึงมาร้อง เป็นเกมของผู้แพ้ หลักฐานรายชื่อ 1,200 ผู้สมัคร สว.ที่ระบุว่าฮั้วสร้างหลักฐานเพื่อให้เชื่อมโยง น่าเชื่อถือ เหมือนตัวเลข 138 สว. โพยกล่าวหาทำย้อนหลังได้หมด เป็นหลักฐานไม่ได้ ยกเว้นนำไปตรวจดีเอ็นเอหรือพิสูจน์ลายมือได้ว่าเป็นของใคร โพยทุกคนต้องมีเพราะไม่รู้จักกันทั่วถึง ต้องทำการบ้านมาก่อนไม่ใช่ให้นึกในห้องประชุม

ราชทัณฑ์โต้ขบวนการหากินในคุก

วันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจง กรณีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวกรณีนายสิทธิกร ธงยศ สว.อภิปรายพร้อมภาพมีข้อความว่า “ขบวนการหากินกับคุก” สร้างความไม่เท่าเทียมกันในเรือนจำ ระบุมี “สมเด็จในกรมราชทัณฑ์และเรือนจำ” อ้างเป็นผู้ให้สิทธิพิเศษกับผู้ต้องขังรายอื่นได้ ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริงสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนและสร้างความเสียหายให้กับกรมราชทัณฑ์ ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการรับจ่ายเงินฝากของผู้ต้องขังในเรือนจำ พ.ศ. 2563 ให้ผู้ต้องขังมีเงินฝากในบัญชีได้ไม่เกินคนละ 15,000 บาท เป็นเงินที่ญาติฝากไว้ให้ผู้ต้องขังไว้ซื้อสินค้าจากร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขังในเรือนจำ แต่เงินรางวัลจากการทำงานในเรือนจำหรือการฝึกวิชาชีพ เรือนจำจะรับไว้ให้ในบัญชีผู้ต้องขัง อาจทำให้ยอดเงินฝากเกินกว่า 15,000 บาท ที่อ้างว่า “สมเด็จ” จัดให้มีการเล่นการพนันใช้กล่องนมหรือกาแฟซองแทนอุปกรณ์เล่นการพนันหรือแทนเงินสด หรือหากไม่ต้องการย้ายเรือนจำ หรือผู้ต้องขังไม่ป่วยจริงแต่ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้ โดยสมเด็จดำเนินการก็ไม่เป็นความจริง ไม่มีสมเด็จในเรือนจำ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบอย่างเข้มงวด สลายกลุ่มบ้านที่สร้างอิทธิพล ตรวจค้นจู่โจมสิ่งของต้องห้ามสม่ำเสมอต่อเนื่อง

“ชูศักดิ์” ชี้ซักฟอกกี่วันอยู่ที่วิป 3 ฝ่าย

เมื่อเวลา 10.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯว่า ต้องรอดูว่าวิป 3 ฝ่ายจะตกลงกัน คาดนัดพูดคุยกันวันที่ 7 มี.ค. เมื่อถามว่า จุดยืนรัฐบาลจะให้อภิปรายกี่วัน นายชูศักดิ์กล่าวว่า พรรคคุยกันว่าหากอภิปรายคนเดียวน่าจะใช้เวลาวันเดียว แต่ที่สุดแล้วไปคุยกันให้จบดีกว่า อะไรเหมาะสมที่สุด สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหาที่จะพูด หากยังพูดเนื้อหาไม่จบแล้วไปปิดก่อนจะเสีย ฉะนั้นต้องดูว่าเนื้อหามากน้อยขนาดไหน ดีที่สุดให้เขาคุยกันดีกว่าเนื้อหามีประมาณไหน อภิปรายแบบใด เช่น หากอภิปรายนายกฯและโยงไปถึงรัฐมนตรี จะมีปัญหาว่านายกฯและรัฐมนตรีต้องตอบ ทำให้เวลายืดยาวออกไป ทุกฝ่ายไปตกลงกันเอาที่เหมาะสม และไม่เสียความชอบธรรมดีกว่า

ดักคอฝ่ายค้านพาดพิง รมต.จะยุ่ง

เมื่อถามว่า ญัตติฝ่ายค้านไม่ได้ระบุว่า อภิปรายนายกฯแล้วรัฐมนตรีชี้แจงแทนได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมี 2 ประเภท คือ 1.อภิปราย ครม.ทั้งคณะ สามารถพูดได้หมดตั้งแต่นายกฯลงมา 2.อภิปรายบุคคล ดูญัตติของฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นการอภิปรายรายบุคคล คือนายกฯคนเดียว ไม่ใช่ทั้งคณะ หลักทั่วไปตามข้อบังคับที่ทำกันมา จริงอยู่ที่นายกฯต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่นายกฯมีสิทธิให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตอบ ที่ผ่านมาเป็นแบบนี้ เพราะนายกฯไม่ได้ไปบริหารกระทรวงโดยตรง แค่กำกับดูแลการทำงานทั่วไป เรื่องนี้เคยบอกแล้วว่ายาก เพราะฝ่ายค้านไม่ได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีด้วย หากไปอภิปรายพาดพิงถึงรัฐมนตรี จะยุ่ง เพราะในญัตติไม่ได้บอกว่าอภิปรายรัฐมนตรีท่านไหน ท้ายที่สุดจะเกิดการประท้วงวุ่นวาย

“วันนอร์” ให้ถอดชื่อ “ทักษิณ” พ้นญัตติ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านกรณีญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า ตามที่ท่านกับคณะได้เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯต่อประธานสภาฯ ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญนั้น ประธานสภาฯพิจารณาแล้วเห็นว่า การระบุรายชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติ อาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ จึงขอให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว นำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2562 ข้อ 176 เพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุผลที่ประธานสภาฯทำหนังสือถึงนายณัฐพงษ์ให้แก้ไขญัตติการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เนื่องจากเนื้อหาในญัตติตอนหนึ่ง ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายก รัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”

“เท้ง” เตรียมยื่นหนังสือโต้แย้งกลับ

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า เตรียมทำหนังสือโต้แย้งถึงประธานสภาฯ เพราะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นสิทธิของสมาชิกที่เข้าชื่อครบตามรัฐธรรมนูญ ถ้าดูตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เขียนไว้ว่าให้ประธานมีอำนาจใช้ดุลพินิจไม่บรรจุญัตติได้ พวกเราคิดว่าดำเนินการทุกอย่างตามกรอบรัฐธรรมนูญหมดแล้ว จึงอยากให้ประธานสภาบรรจุญัตติ จะได้เริ่มเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อถามว่าจะไม่กระทบไทม์ไลน์ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องพยายามหารือกัน เชื่อว่าประธานสภาฯและรัฐบาลไม่อยากทำให้เกิดเหตุการณ์อภิปรายฯไม่ทันสมัยประชุมนี้ จะเป็นการดึงเรื่องหรือถ่วงเวลาหรือไม่ ไม่อยากให้เกิดภาพนั้น

ไม่มีเหตุผล ปธ.สภา-รัฐบาลมาเซ็นเซอร์

เมื่อถามว่า ถ้าบรรจุได้จะมีองครักษ์ของพรรค พท.โต้แย้งจนไม่ราบรื่น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การ อภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมามีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอยู่แล้ว ข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจนว่าการพูดพาดพิงถึงคนนอกที่ไม่สามารถชี้แจงในสภาได้และทำให้เกิดความเสียหาย ผู้อภิปรายต้องเป็นคนรับผิดชอบ อยู่แล้ว เชื่อว่าคนไทยทุกคนเห็นข้อเท็จจริงว่าการ บริหารราชการแผ่นดินปัจจุบัน นายทักษิณมีความเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย ญัตติที่ยื่นไปสะท้อนตามข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ ไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่ประธานสภาฯ หรือรัฐบาลจะมาเซ็นเซอร์ฝ่ายค้าน ประชาชนอยากเห็นการอภิปรายตรงไปตรงมา อย่ากังวลว่าพูดพาดพิงชื่อใครแล้วจะโดนประท้วงหรือไม่ ให้มันอยู่ในญัตติไม่ต้องไปพูดชื่ออ้อมค้อม เราไม่อยากเห็นการตั้งองครักษ์พิทักษ์นายทักษิณคนเดียวเท่านั้น ฝ่ายค้านจะอภิปรายบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและรับผิดชอบ ตัวเองว่ากระทบกับคนอยู่ภายนอกสภาหรือไม่

นายกฯหารือ บ.จิวเวลรียักษ์ใหญ่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มี.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นนครซูริก ช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Compagnie Financière Richemont S.A.หรือ Richemont บริษัทสัญชาติสวิส ดำเนินธุรกิจสินค้าแบรนด์หรู หมวดเครื่องประดับ นาฬิกาและแฟชั่น เช่น Cartier โดย น.ส.แพทองธาร ทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า ได้พบหารือกับทีม Richemont (บริษัทสัญชาติสวิส ดำเนินธุรกิจด้านสินค้าแบรนด์หรู โดยเฉพาะในหมวดเครื่องประดับ นาฬิกาและแฟชั่น เช่น Cartier) เพื่อโอกาสของงาน craftsmanship (งานฝีมือ) ไทย โดยเฉพาะวงการจิวเวลรีและการออกแบบ หลายปีที่ผ่านมางานออกแบบจิวเวลรีไทยโดดเด่น มีแบรนด์ใหม่ๆ นักออกแบบหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย ขยายตลาดไปสู่ระดับโลกได้ เรายังมีจุดเด่นเรื่องฐานการผลิตสำคัญให้โรงงานหลายประเทศทั่วโลก แต่ยังพัฒนาต่อยอดทั้งองค์ความรู้งานดีไซน์ การบริการธุรกิจ Luxury โอกาสคนไทยในการ explore อุตสาหกรรมนี้ระดับโลก จึงหารือกับทีม Richemont ถึงการร่วมฝึกทักษะด้าน Luxury Products ครบวงจร การร่วมกับมหาวิทยาลัยไทยหรือโรงเรียนออกแบบในไทย พัฒนาหลักสูตรงานออกแบบร่วมกัน รวมทั้งหารือขยายฐานการผลิตในไทย จะยกระดับแรงงานด้านจิวเวลรีไทยและขยายการลงทุนของเครือ Richemont ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นอีกหนึ่งโอกาสของอุตสาหกรรมจิวเวลรี อุตสาหกรรมออกแบบ อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ไทย

หาช่องเปิดตลาดสินค้าไทยในยุโรป

จากนั้นเวลา 11.00 น. ที่ห้าง Globus น.ส.แพทองธาร หารือกับผู้บริหารบริษัท Magazine zum Globus AG บริษัทค้าปลีกระดับไฮเอนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-สวิตเซอร์แลนด์ โดยเฉพาะด้านการลงทุนและการขยายตลาดสินค้าไทยในสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านช่องทางการค้าปลีกของ Globus ที่เน้นจำหน่ายสินค้าระดับพรีเมียม เช่น เครื่องสำอางและเสื้อผ้า นายกฯ ยังได้เสนอแนวคิดการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทย ผลิตสินค้าหัตถกรรมคุณภาพสูง เพื่อส่งออกไปยังตลาดยุโรป โดยนายกฯ ได้เยี่ยมชม booth สินค้าไทยที่วางขายในห้าง Globus และหยิบยกประเด็นการเพิ่มโอกาสสินค้าไทยที่มีคุณภาพให้นำมาวางขายมากขึ้นอีกด้วย หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ช่วงค่ำ น.ส.แพทองธารและคณะ เดินทางกลับโดยจะมาถึงไทยวันที่ 9 มี.ค.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่