ก็เป็นกลยุทธ์การเมืองที่แหลมคมของฝ่ายค้าน เมื่อ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้าน ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร เพียงคนเดียว ซึ่งเป็น “จุดอ่อน” หรือ Weakest Point ของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย แทนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบน้ำท่วมทุ่งนับ 10 ราย แม้เพื่อไทยจะแก้เกมให้อภิปรายได้วันเดียว แต่ 10 กว่าชั่วโมงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ตอกย้ำ นายกฯแพทองธาร เพียงคนเดียว ก็ถือว่าเหลือเฟือแล้ว เพราะนายกฯหนีไปไหนไม่ได้

ไปดู ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน  ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 กันเสียหน่อยครับ ฝ่ายค้านลงชื่อกัน 166 คน ยื่นต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีการอภิปรายในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคมนี้

เนื้อหาญัตติระบุว่า พวกข้าพเจ้าเห็นว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อีก เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติ และไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารด้วยประการทั้งปวง ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่แก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ส่งผลทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหา และไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้งอยู่เหนือประโยชน์ของส่วนรวม

นายกฯแพทองธาร ยังไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มี พฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทน กลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาดล้มเหลวอย่างร้ายแรง ทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา  ตลอดจนปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน

...

ญัตติท่อนท้ายกล่าวหา นายกฯแพทองธาร  ว่า สมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตน เสมือนนายกรัฐมนตรีเป็นหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง  ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ

เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมากทีเดียว เมื่อกล่าวหาแล้วก็เป็นหน้าที่ของ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่จะต้องหาหลักฐานพิสูจน์ให้ได้ว่า นายกฯแพทองธารเป็นไปตามญัตติที่กล่าวหาจริง ถ้าหาหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ ฝ่ายค้านก็คงเหนื่อยแน่นอน

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีของ นายกฯแพทองธาร ที่จะได้ “พิสูจน์ตัวเอง” ต่อชาวไทยและชาวโลกว่า เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง ไม่ได้เป็นนายกฯหุ่นเชิดของพ่ออย่างที่ถูกกล่าวหา

การพิสูจน์ตัวเองของ นายกฯแพทองธาร ต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่า สามารถตอบข้ออภิปรายของฝ่ายค้านได้ทุกปัญหาทุกกระทรวง เหมือนซีอีโอบริษัทที่ต้องรู้ทุกเรื่องในบริษัทแม่และบริษัทลูก ไม่ใช่ตอบไม่ได้แล้วโยนให้ไปถามเจ้ากระทรวง เหมือนการเลี่ยงตอบคำถามของนักข่าวที่เห็นกันอยู่ทุกสัปดาห์

ที่ผ่านมา นายกฯแพทองธารมักจะเลี่ยงตอบปัญหาของบ้านเมือง  นักข่าวถามทีไรก็ไม่เคยตอบ โบ้ยให้ไปถามเจ้ากระทรวง เลยทำให้ประชาชนสงสัยว่า นายกฯเข้าใจปัญหาของประชาชนและปัญหาของประเทศชาติหรือไม่   ทำไมไม่ตอบให้ประชาชนและนักลงทุนเกิดความมั่นใจ มีแต่เลี่ยงและเดินหนีการตอบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านครั้งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเป็นนายกฯตัวจริง หรือ หุ่นเชิด อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม