โฆษกรัฐบาลระบุ “นายกฯอิ๊งค์” รับรายงาน ภารกิจส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน “11 Year Mission possible” มีเลขาฯ สมช.พร้อมรอง ผบ.ตร.ส่งถึงบ้าน เผยทุกคนดีใจกลับบ้านเกิดรอบ 11 ปี ฝากขอบคุณผู้แทนจากสำนักจุฬา ราชมนตรีที่เข้าเยี่ยม และร่วมประกอบพิธีทางศาสนาระหว่างที่อยู่ในห้องกัก สตม. โดยคณะผู้แทนไทยจะสรุปรายงานให้นายกฯทราบใน 7 วันหลังเดินทางกลับประเทศในวันที่ 2 มี.ค.และเตรียมบินกลับไปดูความเป็นอยู่ในระยะเวลา 15-30 วัน ตามพันธสัญญาไทย-จีน ด้านผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ชี้ไทยมีทางเลือก 3 ทาง ระบุวิธีนี้ดีที่สุด ฉุนหลายประเทศหน้าไหว้หลังหลอกไม่จริงใจช่วยไทยกรณีรัฐบาลไทยส่ง 40 ชาวอุยกูร์ กลับประเทศจีนหลังติดคุกที่เมืองไทย 11 ปี ท่ามกลางเสียงครหาจากชาวโลก ขณะที่รัฐบาลไทยโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลั่น ไม่ได้ทำผิดกฎสหประชาชาติและสิทธิมนุษยชน อีกทั้งเช็กจนชัวร์เรื่องความปลอดภัยจากรัฐบาลจีนถึงได้ส่งกลับ ยันทุกคนสมัครใจและมีภาพสวมกอดกับครอบครัวเป็นหลักฐาน ปัดมีข้อแลกเปลี่ยนทางการค้า ด้านโฆษกรัฐบาลเผย “ทวี สอดส่อง” จ่อพาสื่อบินไปดูความเป็นอยู่ทั้ง 40 คนให้เห็นกับตา ด้าน “อังคณา นีละไพจิตร” จวกแหลกรัฐบาลไทยให้ข้อมูลไม่ตรงปก แต่ยินดีจะไปจีนในฐานะ กมธ.ด้วย ขณะที่เพจสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย แพร่โพสต์ รมว.ต่างประเทศขู่ไทย อาจขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ แต่มีคอมเมนต์ตอกกลับทำนองว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ตามที่เสนอข่าวไปนั้นท่ามกลางการจับตาและมีความเห็นในด้านลบจากชาวโลกกรณีไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับประเทศจีน ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยนำโดยนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ที่ร่วมเดินทางไปส่ง 40 ชาวอุยกูร์กลับจีนช่วง 2 วันที่ผ่านมา คณะของไทยอยู่สังเกตการณ์และตรวจสอบชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับสู่แผ่นดินแม่ในรอบ 11 ปี “11 Year Mission possible” ในจุดที่ห่างจากเมืองคาซือ อ.เจียซือ ประมาณ 140 กิโลเมตร ทั้งหมดเดินทางถึงบ้านเกิดด้วยความปลอดภัย แสดงความดีใจที่ได้กลับมาพบครอบครัว บางคนกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ฝากความระลึกถึงและขอบคุณผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรีที่เข้าเยี่ยม และร่วมประกอบพิธีทางศาสนารวมทั้งเลี้ยงอาหารฮาลาลระหว่างที่อยู่ในห้องกักของ สตม.นายจิรายุกล่าวต่อว่า เลขาธิการ สมช.จะติดตามต่อเนื่อง 15-30 วัน คณะผู้แทนระดับสูงของไทยจะบินไปติดตามพันธสัญญาที่ทั้ง 2 ประเทศให้ไว้ต่อกัน เพื่อมั่นใจว่าหลังจากเดินทางส่งชาวอุยกูร์ถึงบ้านแล้ว รัฐบาลจีนให้ความมั่นใจว่าพวกเขาคือพลเมืองจีนที่ต้องดูแลเป็นอย่างดี ยืนยันการพิจารณาการส่งกลับนั้นไทยพิจารณาทุกมิติ พยายามเจรจารัฐบาลจีนมาตลอด 10 ปี เพื่อกำหนดเงื่อนไขให้จีนรับรองความปลอดภัย และต้องอนุญาตให้คณะผู้แทนไทยไปตรวจเยี่ยมภายหลังการส่งกลับได้ ในยุครัฐบาลปัจจุบันที่รัฐบาลจีนมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ก่อนการส่งกลับชาวอุยกูร์ จีนได้ส่งคลิปญาติพี่น้องผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในบ้านเกิดต่างจากเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ทำให้ชาวอุยกูร์ต้องการเดินทางกลับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำเนื้อหาในหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการจากทางการจีนมาแปลเป็นภาษาอุยกูร์ให้ชาวอุยกูร์ฟังจนนำมาสู่การเดินทางกลับโดยสมัครใจในท้ายที่สุด โดยคณะผู้แทนไทยจะเดินทางกลับในวันที่ 2 มี.ค. พร้อมสรุปรายงานให้นายกฯทราบภายใน 7 วัน โดยจะติดตามตรวจสอบรัฐบาลไทยยืนยันถึงความโปร่งใสและจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชนร่วมในการตรวจเยี่ยมด้วยด้านนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าเป็นความยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่เห็น ไทยไม่มีทางเลือกมาก มีแค่ 3 ประการ คือ 1.ไม่ส่งให้ใครและคุมขังต่อไปเรื่อยๆแม้ง่ายแต่ละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรง เป็นการกักขังโดยไม่มีความผิด ไม่มีกำหนด ผิดทั้งกฎหมายไทยและระหว่างประเทศ โหดร้ายต่อชะตากรรมชาวอุยกูร์อย่างไร้มนุษยธรรม 2.ส่งให้ประเทศที่ 3 ยากเป็นจริง ไม่มีประเทศใดอยากรับช่วยเหลือจริงจัง แม้แต่สหรัฐฯ UNHCR ก็ไม่ให้สถานะผู้ลี้ภัยคนเหล่านี้ บางประเทศชี้นิ้วห้ามไทยส่งจีนแต่ไม่มีทางเลือกอื่นให้ ไม่มีใครบอกหากไทยถูกจีนตอบโต้จะช่วยเหลืออะไรไทย ประเทศต่างๆมักหน้าไหว้หลังหลอกไม่ตั้งใจช่วยเหลือไทยจริงจัง มีแต่คำพูดสวยหรู เก่งชี้นิ้วประเทศเล็กๆอย่างไทย การส่งตัวไปประเทศที่ 3 ไทยอาจเผชิญการตอบโต้จากจีน ไม่มีประ เทศใดจะมาช่วยเหลือที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อคนไทย คำถามคือคนไทยพร้อมเผชิญสิ่งนี้หรือไม่ การส่งตัวไปประเทศที่ 3 ยากเกิดขึ้นจริงไม่ว่าพรรคใดมาเป็นรัฐบาล นี่คือความจริงนายรัศม์กล่าวว่า ข้อ 3.การส่งกลับประเทศจีน ฟังดูโหดร้าย แต่จีนมีหนังสือรับรองเป็นทางการต่อความปลอดภัยคนเหล่านี้ตามที่ไทยขอ ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อสิ่งที่จีนรับรอง จีนเป็นมหาอำนาจต้องรักษาคำพูดเช่นกัน เมื่อไม่มีประเทศใดจริงจังรับคนพวกนี้ และจีนมีหนังสือรับรองความปลอดภัยเป็นทางการ ไทยย่อมต้องถือตามนั้นการส่งกลับจีนเป็นมนุษยธรรม การกักขังเขาโดยไม่มีความผิดไม่มีกำหนดยิ่งละเมิดสิทธิมนุษยชนไร้มนุษยธรรมยิ่งกว่า การส่งตัวกลับจีนเป็นทางเลือกดีสุดที่ไทยพอทำได้ ดีกว่าขังพวกเขาไปเรื่อยๆจนตายคาห้องขังอย่างไร้มนุษยธรรม อาจไม่ถูกใจหลายคนแต่ไทยไม่ได้ก่อปัญหานี้แต่แรก จะเอาแต่พูดสวยหรูโก้ๆไม่ได้ เพราะเกี่ยวพันกับปากท้องคนไทยโดยรวมเช่นกัน ไม่มีประเทศใดจะยื่นมือมาช่วยเราจริง ยอมรับน่าเศร้าไม่ได้อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้น แต่นึกไม่ออกแล้วจะให้ทำอย่างไรอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่