ก่อนจะเจอศึกใหญ่ก็ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องให้พร้อมเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านนั้น
ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตั้งรับทั้งภายนอกและภายใน
ลำพังการอภิปรายของฝ่ายค้านนั้นคงไม่ยากเท่าใดในการรับมือ แต่ถ้าปัญหาภายในเคลียร์กันไม่ดีก็จบเห่ได้เหมือนกัน
อย่างที่พูดกันว่าศึกนอกไม่เท่าใดแต่ศึกในนั้นหนักหนา
อย่างรัฐบาลชุดที่แล้ว นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะเป็นรัฐบาลแปลงรูปก็ยังเกือบไปเพราะรัฐมนตรีในรัฐบาลเดียวกันเดินเกมเจาะยาง
ดีที่รู้ทันเสียก่อน!
เรื่องนี้คนชื่อ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” น่าจะให้ข้อมูลดีที่สุด
นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” หัวพรรคเพื่อไทย
แกนนำรัฐบาลจึงมีการนัดหมายพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อรับประทานอาหาร “ดินเนอร์ทอล์ก” ซึ่งปกติก็ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว โดยผลัดกันเป็น “เจ้ามือ” คราวนี้ถึงคิวของ “ภูมิใจไทย” ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นหัวหน้าพรรค
กำหนดวันที่ 25 ก.พ.2568
ปรากฏว่าคำสั่งพิเศษจากนายกรัฐมนตรีให้แต่ละพรรคมีเฉพาะหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเท่านั้นคนอื่นไม่เกี่ยว
ก็คงเป็นเพราะเป็นนัดสำคัญจึงต้องหารือกันเป็นการภายในไม่ต้องการให้การพูดคุยเป็นข่าวรั่วไหลเดี๋ยวความลับแตกไปถึงหูฝ่ายค้านได้
พูดง่ายๆคือ “ปิดลับ” เฉพาะวงในจริงๆ
แต่คนวงนอกมีความเห็นต่างไปเพราะการพูดคุยกันไม่ใช่เพียงแต่คนสองคน ดังนั้นยังไงเสียก็ต้องรู้ไปถึงคนที่สามจนได้
แล้วทำไมนายกรัฐมนตรีจึงต้องมีคำสั่งอย่างนี้
คำตอบก็น่าจะเป็นว่าต้องการให้การพูดคุยไม่ซีเรียสจนเกินไป เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลยังดำรงอยู่
...
อาจจะทำให้ “วงแตก” ได้!
โดยเฉพาะ “อนุทิน” จากค่ายสีน้ำเงินที่แม้จะไม่แสดงออกแต่ในใจนั้นร้อนรุ่มขนาดปล่อยวาทะ “หน้าตัวเมีย” ก็คงรู้ว่าขนาดไหน
คือประเด็นที่มีการออกมาแฉจากที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯว่ามีที่ดินของนักการเมืองใหญ่ที่ปากช่องรุกที่ดิน ส.ป.ก.
ทำให้ “เสี่ยหนู” ถึงกับหูร้อนประกาศว่าเป็นเกมการเมืองรู้ว่าเป็นฝีมือใครเพื่อทำให้เกิดความเสียหาย
ดูจากรูปการณ์และคนที่นำเรื่องนี้ออกมาปูดก็คงพอจะคาดเดาได้ว่าเป็นใคร
พูดง่ายๆว่าชี้เป้าไปที่ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรค “กล้าธรรม”
แน่นอนว่านายกรัฐมนตรีย่อมรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีว่าอะไรเป็นอะไรและใครเป็นใครจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลมไว้ก่อน
เพราะอาจจะเกิดปัญหาเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ใจแทนกันได้จึงต้องแก้เกมไว้ก่อนเพราะมารยาทนั้นต้องมี
แต่อารมณ์นั้นห้ามกันไม่ได้โดยเฉพาะด้านชื่อเสียงและอนาคตทางการเมือง
ก็นี่แหละบนเกมการเมืองนั้นต้องชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลาเผลอไม่ได้เป็นอันขาด ขนาดลูกน้องยังหักหลังลูกพี่มาแล้ว
นับประสาอะไร...
ก่อนไปถึงศึกใหญ่ก็มีอะไรให้เห็นอย่างนี้แหละ แว่วว่าพรรคฝ่ายค้านจะซักฟอก 10 รัฐมนตรี ขอเวลา 5 วันก็ไม่รู้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะยอมหรือไม่
แต่หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องมีอะไรเกิดขึ้นตามมาแน่!
"สายล่อฟ้า"
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม