สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหนังสือด่วนถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ในข้อหาข่มขืนนักท่องเที่ยว ชาวไต้หวัน เพื่อให้ที่ประชุมสภาฯ อนุญาตส่งตัวไปดำเนินคดีอาญา พิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ากระทำความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่
เพราะในช่วงเปิดสมัยประชุมสภา สมาชิกรัฐสภาได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองเฉพาะ คดีอาญา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ที่กำหนด “ห้ามจับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัว มาสอบสวนในฐานะเป็นผู้ต้องหา-กรณีถูกคุมขังอยู่ก่อนสมัยประชุม-กรณีพิจารณา คดีในระหว่างสมัยประชุม” แต่เมื่อพ้นสมัยประชุมเกราะแก้วที่คุ้มกันก็หมดไป
เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ ดังกล่าวเพื่อให้สมาชิกรัฐสภาปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ได้เต็มที่ ป้องกันอำนาจรัฐกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะ สส. หรือ สว.ประเภท ที่ทำงานตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ที่เคยเกิดขึ้นในบางยุคบางสมัยมาแล้ว แม้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงฉบับปัจจุบันได้สร้างเกราะป้องกันเอาไว้ก็ตาม
สังคมจับตาดูที่ประชุมสภาในสัปดาห์นี้ว่าจะมีมติอนุญาตส่งตัว สส.คนดังกล่าวไปดำเนินคดีอาญาหรือไม่ เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่เป็นพฤติกรรมส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ แต่หากย้อนดูประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมาไม่เคยอนุญาตส่งตัวสมาชิกรัฐสภา ดำเนินคดี
กรณีล่าสุด สว.ชุดที่เพิ่งหมดวาระไป ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติไม่อนุญาตให้ สว.ชื่อดังคนหนึ่ง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและความผิด ฐานฟอกเงินไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องรอจนถึงช่วงปิดสมัยประชุมถึงออกหมายเรียก สว.คนดังกล่าวได้
ฉะนั้นถ้าที่ประชุมสภามีมติไม่อนุญาตส่งตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะออกหมายจับอีกครั้งในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันสุดท้ายของการประชุมสภา คือ วันที่ 10 เม.ย.68 รอจนถึงวันนั้นยิ่งทำให้สังคมเกิดความข้องใจต่อพฤติกรรมฉาว ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง คนรอบข้าง และเสื่อมเสียถึงสถาบันนิติบัญญัติ
...
ในฐานะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ควรแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยโชว์สปิริต ประกาศลาออกจากตำแหน่ง สส.ตามเสียงเรียกร้องของ สส.พรรคประชาชน ที่เป็นต้นสังกัดเก่าสมัยเป็นพรรคก้าวไกล หรือแสดงเจตนาสละเอกสิทธิ์คุ้มครองเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหา.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม