นายกฯลั่นตัด “ไฟฟ้า” มิจฉาชีพในเมียนมาได้ทันทีถ้าทุกอย่างชัด รวมถึงไม่ต้องส่ง “น้ำมัน” ด้วย ไม่กังวลหากเจอตอ ด้าน “ภูมิธรรม” ย้ำพร้อมจบปัญหา เข้มสั่ง กฟภ.ต้องตัดไฟเมียนมา ฮึ่มถ้าเกียร์ว่าง เจอยืมตัวช่วยราชการ ต่างจาก มท.1 ยังยึกยักอ้างรอคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร มาเมื่อไหร่พร้อมตัดไฟเพราะมีกฎหมายรองรับ แต่ยังไม่ได้ชี้จุดทำผิดกฎหมาย ต้องแจ้งมาให้ถูกต้อง ขณะที่ “โรม” หนุนตัดไฟทันที ชี้มี 3 จุด “ท่าขี้เหล็ก-เมียวดี-พญาตองซู” ฉะ “อนุทิน” ยังลอยหน้า ทั้งที่ประชาชนถูกหลอกรายวัน พร้อมเรียกร้องความเป็นผู้นำของนายกฯจัดการ
หลังเงื้อง่ามาเป็นสัปดาห์เพราะโยนกันไปมาว่าใครจะเป็นผู้สั่งการให้การไฟฟ้าภูมิภาค (กฟภ.) หน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ตัดไฟฟ้าที่กลุ่มมิจฉาชีพในประเทศเมียนมา นำไปใช้ในการก่อเหตุในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในที่สุดเมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมได้สั่งการให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เรียกประชุมด่วนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อพิจารณามาตรการต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งได้พูดในที่ประชุม ครม.โดยไม่มีความลังเลว่าถ้าสุดท้ายแล้วชัดเจนก็ตัดไฟได้เลย และเรื่องน้ำมันไม่ต้องส่ง เพราะต้องโอบอุ้มและดูแลคนของเราก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อคนไทยและภาพลักษณ์ของประเทศมากมาย
นายกฯกล่าวอีกว่า ถ้าเราเห็นใจและเรียงลำดับไม่ถูกต้อง จะเกิดปัญหายาวนานและต่อเนื่อง สิ่งที่ประเทศไทยเจอหนักหน่วงกับเรื่องนี้ ฉะนั้นต้องเป็นมาตรการที่เข้มข้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องเรียกคุยกันและจัดการเลย พร้อมยืนยันว่าตัดได้ทันที ส่วนการเอาผิดผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้น ต้องดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน ไม่สามารถปล่อยไปได้ ถ้าจับได้แล้วไม่ดำเนินการเราก็จะเสียความน่าเชื่อถือ และไม่กังวลว่าจะเจอตอ ซึ่งได้ย้ำกับนายภูมิธรรมให้ลงไปวันนี้เลย
...
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงอำนาจในการสั่งตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมาว่า กฟภ.มีอำนาจตามระเบียบกฟภ.ข้อ 51.1 และ 51.2 กฟภ.งดจ่ายไฟฟ้าได้หากพิจารณาเห็นว่าการจ่ายไฟฟ้ากระทบความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น หากมีข้อมูลว่าผู้ซื้อไฟฟ้าจาก กฟภ.ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ กฟภ.ใช้สิทธิตามสัญญาจ่ายไฟฟ้าให้น้อยลงหรืองดจ่ายไฟฟ้าได้ เรื่องนี้ตนไม่สบายใจที่โยนกันไปมาว่า ไม่สั่งมาก็ทำไม่ได้ อีกฝั่งก็บอกไม่รู้ ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ทั้งที่เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ได้สั่งให้ สมช.เรียก กฟภ.มาคุย รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจ ทหาร ยืนยันแล้วว่ากระทบกับความมั่นคงจริง ตนเพิ่งได้รับหนังสือที่แจ้งข้อมูลดังกล่าวมา สมช.ชี้แล้วว่ากระทบ และในทางตรงกันข้ามไม่ต้องรอให้ สมช.ชี้ หากกระทบ กฟภ.จัดการได้เลย ไม่ใช่จะขายไฟฟ้าอย่างเดียว และพิจารณาข้อมูลแล้ว การค่อยๆตัดไฟอาจช้าเกินไป เพราะปัญหารุนแรงแล้ว จึงสั่งการไปยัง สมช.ให้แจ้ง กฟภ.ต้องตัดไฟทันที และหากผู้บังคับหน่วยส่วนไหนไม่ปฏิบัติให้เกิดผลโดยทันที จะยืมตัวมาช่วยราชการ ขอให้ปฏิบัติทันทีตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.เป็นต้นไป ยืนยันการตัดไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องเข้า ครม. เป็นหน้าที่ กฟภ.ดำเนินการได้ทันที และกระทรวงการต่างประเทศต้องทำหน้าที่ ไม่ปล่อยปละละเลย แต่ใครที่รู้สึกว่ายังรอโน่นรอนี่อยู่ ตนจะใช้มาตรการเด็ดขาด เพราะวันนี้ชัดเจนแล้วว่าสั่งการให้ตัด
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า จะสั่งการผ่าน สมช. อีกครั้ง หากยังเกียร์ว่าง จะยืมตัวมาช่วยราชการ ส่วนแนวทางอื่นค่อยดูกันตามฐานความผิด ส่วนการตัดไฟที่ไหนบ้างให้ดูตามความเป็นจริง แม้เมืองเมียวดีซื้อไฟจากเรา เขาก็ต้องควบคุมคนของเขา หากปล่อยให้พื้นที่เหล่านั้นสร้างปัญหาให้กับประเทศเรา เขาต้องรับผิดชอบด้วย และต้องจัดการทันทีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากไม่จบก็ต้องรับผล เราไม่ใช่แม่พระใจดี หากประสานกับเมียนมาได้ ตนจะลงไปดูพื้นที่จริง
ต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุถึงการตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมาทำได้ทันทีว่า รอ สมช.ชี้แจงดีที่สุด เนื่องจากได้ประชุมเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ทุกหน่วยงานไปประชุมมีความเห็นตรงกันว่าให้ สมช. รวบรวมข้อมูลทั้งหมด นำเสนอนายภูมิธรรม ในฐานะประธาน สมช. หากมีข้อสั่งการพร้อมปฏิบัติตาม แต่ไม่ใช่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหยุดจ่ายไฟได้ทันที ทั้งนี้ถ้านายภูมิธรรมเซ็นคำสั่ง เราพร้อมตัดไฟในทันที เพราะสั่งการมีกฎหมายรองรับ และยังไม่ได้ชี้จุดที่ทำผิดกฎหมายที่ใช้ไฟจากไทยอยู่ตรงจุดไหนบ้าง หากตัดไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต้องแจ้งมาอย่างถูกต้อง
ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดนไทย-เมียนมาว่า ควรทำแบบนี้เพราะตนยืนยันมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของ กฟภ. ไม่ควรไปถึงระดับนโยบายด้วยซ้ำ แต่ กฟภ.เกียร์ว่าง ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาไม่จบสิ้น สิ่งที่นายภูมิธรรมพูด ฟังดูเหมือนจะตัดไฟแค่เมืองชเวก๊กโก และเคเคพาร์ก ซึ่งสองจุดนี้ถูกตัดไปนานแล้ว
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ตนขอใช้โอกาสนี้ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าจะตัด ตนเห็นด้วย และควรทำทันที การที่นายภูมิธรรมระบุว่า จะทำทันทีเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องทั้งหมดนี้ต้องดูว่าสุดท้ายการตัดไฟที่จะเกิดขึ้นจริงจะตัดที่จุดไหนเพราะฝั่งเมียนมา ทางท่าขี้เหล็กยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ด้านเมียวดีและพญาตองซู มีปัญหาเรื่องแก็งคอลเซนเตอร์ ส่วนตัวคิดว่าต้องตัดทั้งหมด 3 จุดนี้ หากละเว้นจุดใดจุดหนึ่งไว้ ปัญหาไม่จบ เพราะขบวนการเหล่านี้คงย้ายที่ไปอีกจุดในที่ยังไม่ถูกตัดไฟ ส่วนวิธีการแก้ปัญหาในระยะยาว หากเกิดมีการตัดไฟเพียงบางจุด ถือเป็นเพียงก้าวแรก เพราะยังเหลืออีกจำนวนมากในการแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์ ขั้นตอนที่ควรพิจารณาต่อไปคือเรื่องท่าข้ามแม่น้ำ เฉพาะแค่ที่จังหวัดตาก มีมากถึง 59 ท่า บางท่าตั้งอยู่กับแก๊งสแกมเมอร์และหากมีการตัดไฟแน่นอนว่าแก๊งเหล่านี้จะต้องไปหาเครื่องปั่นไฟ ดังนั้น รัฐบาลต้องดูตั้งแต่ต้นว่ามีการจัดหาเครื่องปั่นไฟไปใช้หรือไม่ ต้องรีบสกัดตั้งแต่ตอนนี้ และรัฐบาลต้องหันไปมองฝั่งกัมพูชาด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งแหล่งสำคัญไม่แพ้กับฝั่งเมียวดี โดยต้องดูว่ามีทรัพยากรใดของประเทศไทยบ้างที่ถูกส่งไปสนับสนุนแก๊งเหล่านี้ ที่ตนเชื่อว่ามีเช่นเดียวกันแน่
ส่วนกรณีนายภูมิธรรมสั่งระงับการจ่ายไฟ สวนทางกับท่าทีของนายอนุทินนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถึงนายภูมิธรรมไปไกลสุดจริงๆ แค่ที่นายอนุทิน การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการ มีความเสียหายต่อประเทศชาติหรือไม่ และถ้ามีความเสียหาย นายอนุทินจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบนี้ใช่หรือไม่ รัฐบาลหรือนายกฯจะไม่ทำอะไรเลย ใช่หรือไม่ และหากปรากฏว่าไฟฟ้าที่ขายไป ไม่ใช่มีแค่ฝั่งพม่าแต่ไปเจอจุดอื่นอีก แล้วก่อให้เกิดการเสียหายอีก นายอนุทินจะลอยหน้าลอยตาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆปล่อยให้ประชาชนต้องรับความเสียหายต่อไปเรื่อยๆ ส่วนนายกฯตนขอเรียกร้อง แม้จะชื่นชมว่าวันนี้มีการตัดไฟจริง แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว นายอนุทินต้องรับผิดชอบในการไม่ใช้อำนาจหน้าที่ในความรับผิดชอบของตัวเอง ต้องถามนายกฯว่า เราจะปล่อยนายอนุทินไปแบบนี้หรือไม่ ต้องมีมาตรการอะไรออกมา จึงต้องเรียกร้องความเป็นผู้นำของนายกฯ และในวันที่ 6 ก.พ. กมธ.มั่นคงฯได้เชิญกระทรวงมหาดไทย สมช.เข้าร่วมประชุม ตนได้กำชับกับฝ่ายเลขาว่ากระทรวงมหาดไทยให้กำหนดเป็นนายอนุทินโดยตรง รวมถึงเลขาฯ สมช.ด้วย เรื่องนี้ สมช.ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เป็นหน่วยงานประสาน ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง แต่วันนี้เลขาฯ สมช.ยินดีที่จะรับเผือกร้อนและออกมาพูดตอนแถลง ตนเสียดายมากว่าควรจะพูดให้ชัดเจนว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาความมั่นคง
ต่อมาเมื่อเวลา 14.50 น. ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง และสาธารณรัฐ ประชาชนจีน นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และคณะ ร่วมพูดคุยกับ พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี เลขานุการ รมว.กลาโหม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม และ พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม หารือถึงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จากนั้น นายหลิว จงอี เข้าพูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามทักทายและสอบถามเป็นภาษาจีน ช่วงนายหลิว จงอี กำลังลงจากรถเพื่อขึ้นไปศาลาว่าการฯ ถึงประเด็นที่มาพูดคุยในวันนี้ แต่นายหลิว จงอี ไม่ตอบคำถามใดๆ
ต่อมา เมื่อเวลา 17.30 น.วันเดียวกัน ที่ห้อง ประชุมวิจิตรวาทการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม สมช. เพื่อพิจารณาการตัดไฟบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. ตัวแทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตัวแทนกระทรวงคมนาคม และตัวแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้าร่วมประชุม
จากนั้นเวลา 18.55 น. นายภูมิธรรมแถลงผล การประชุมว่า สมช.รวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มีประชาชนเสียหายทั้งหมด 557,500 กว่าคดี รวมเงิน 86,000 กว่าล้านบาท แต่ละวันมีความเสียหาย 80 ล้านบาท ถือเป็นการสรุปชัดเจนจากหน่วยงาน ด้านข่าวที่เกี่ยวข้องว่า เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชน และทั่วโลก จึงมีมติให้ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.เป็นต้นไป ตนจะเซ็นหนังสือในคืนนี้เลยโดยกระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้รัฐบาลเมียนมา รับทราบให้แจ้งสถานพยาบาลให้รับรู้และเตรียมตัว โดยจะเป็นการตัดทั้ง 5 จุด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งนั้น เราถือว่าเรื่องนี้เป็นความทุกข์ของประเทศ และประชาชนที่เผชิญอยู่เป็นเรื่องที่เรา ต้องดูแล เมื่อเราแจ้งแล้วรัฐบาลเมียนมาจะดำเนินการ อย่างไรก็เป็นเรื่องของรัฐบาลเมียนมา เราไม่ได้เข้าไป แทรกแซง ด่านชายแดนทั้งหมดเราจะจัดการให้สอดรับกับการซีลชายแดน 51 อำเภอ ส่วนที่กังวลว่า รัฐบาลเมียนมาอาจตอบโต้ด้วยการตัดแก๊สหรือไม่นั้น เคยหารือกัน เขามีความเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ ปัญหาของประเทศไทย แต่เป็นปัญหาของนานาชาติ เพราะมีบุคคลหลายชาติถูกหลอกเข้าไปในนั้น ส่วนถ้าพื้นที่ที่ถูกตัดไฟไปแล้ว มีการลักลอบแอบเดินสายไฟใหม่ เราก็จะดำเนินการ และหากทางเมียนมาจะใช้เครื่องปั่นไฟก็เป็นเรื่องของเขา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 5 จุด ที่จะถูกตัดไฟ ล้วนเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้แก่ 1.จุดซื้อขายบริเวณบ้านเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ โดยบริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited 2.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด 3.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด 4.ซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2-อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพ เมียนมา โดยบริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และบริษัท Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited 5.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง-อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง โดยบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry and Manufacturing Company Limited (SMTY)
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่